การลงโฆษณาบน Facebook
Facebook ads คืออะไร?
Facebook ads คือข้อความโฆษณาที่ทางธุรกิจต่างๆ จะต้องชำระเงินเพื่อที่จะได้โพสต์ข้อความเหล่านั้นลงบน Facebook เพื่อเข้าให้เข้าถึงกลุ่มหมายที่กำหนดไว้
โดยสิ่งที่ Facebook ads แตกต่างจาก Google Ads ก็คือการช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวแปรต่างๆ ได้มากขึ้นในขณะที่สร้างโฆษณาเพื่อเผยแพร่ไปยังกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
ตัวแปรดังกล่าวบางส่วนคือข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายดังต่อไปนี้:
ที่ตั้ง
ภาษาพูด
ความสนใจ (ความสนใจ สิ่งที่ชอบ และงานอดิเรกจากโปรไฟล์ Facebook ของพวกเขา)
ระดับการศึกษาหรือประวัติการศึกษา
งานที่ทำ
รายได้
ความคิดเห็นทางการเมือง
พฤติกรรมและการซื้อล่าสุด
เหตุการณ์สำคัญในชีวิต
และอื่นๆ
ปัจจัยต่างๆ เช่น ช่วงเวลาของการโพสต์ก็มีบทบาทสำคัญในการแสดงโฆษณาต่อกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน
นั่นก็เพราะว่า Facebook ad สามารถแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายเฉพาะหรือในวงกว้างได้เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงที่มากขึ้น
แม้ว่าโฆษณาบน Facebook จะทำงานในลักษณะเดียวกันกับโฆษณาบนแพลตฟอร์มโฆษณาอื่นๆ แต่โฆษณาเหล่านั้นก็ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลผู้ใช้ของ Facebook และสามารถอัปเดตโฆษณาใดๆ ได้อย่างง่ายดายเพื่อสะท้อนถึงรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มเป้าหมายหรือเพื่อมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายใหม่ทั้งหมด
ทำไมเราถึงควรใช้ Facebook ad
แม้ว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าประทับใจไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลายเหตุผลที่ควรใช้ Facebook ad ในระยะยาว
1. กลุ่มเป้าหมายย่อย
ประโยชน์อย่างหนึ่งของการโฆษณาบน Facebook ก็คือการที่มันเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ จึงมีข้อมูลมากมาย ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถกำหนดเป้าหมายผู้ชมในวงแคบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณได้
2. สามารถติดตามตัวชี้วัดที่เลือกได้แบบเรียลไทม์
การเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและการมอบประสบการณ์เชิงบวกแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักในการบริการของเรา หนึ่งในคุณสมบัติที่มีประโยชน์ที่สุดของ Facebook ad คือความสามารถในการติดตามตัวชี้วัด เช่น reach, conversion และ user engagement แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการพิจารณาว่าโฆษณาใดของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด
3. โฆษณาหลายประเภทที่เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ
ผู้ที่ลงโฆษณาบน Facebook จะมีตัวเลือกสำหรับการกำหนดเป้าหมายและแคมเปญมากมายให้เลือก โฆษณาประเภทต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจทุกรูปแบบและขนาดบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้ โดยคุณสามารถตรวจสอบ Facebook ad ประเภทต่างๆ ได้ที่ด้านล่างนี้
4. การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อลงโฆษณาบน Facebook คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก แต่สามารถเริ่มต้นด้วยการลงทุนเพียงไม่กี่บาทต่อวันในแต่ละรูปแบบโฆษณาที่เราสร้างขึ้น เมื่อเราวิเคราะห์ผลลัพธ์เสร็จแล้ว เราจะแนะนำวิธีการใช้จ่ายโดยพิจารณาจากคำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดและผู้ชมที่ตอบรับมากที่สุด
นอกเหนือจากเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและวิธีการรวบรวมข้อมูลมากมายเมื่อคุณใช้ Facebook ad แล้ว ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ควรใช้อีกสองถึงสามข้อ:
"Facebook" คือคำค้นหายอดนิยมทั่วโลก
แพลตฟอร์มนี้มีผู้ใช้ 2.4 พันล้านคนและผู้ลงโฆษณามากกว่า 7 ล้านคน
ผู้ใช้ Facebook ใช้เวลาเฉลี่ย 35 นาทีต่อวันบนแพลตฟอร์ม
68% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีบัญชีที่ใช้งานอยู่
Meta เป็นเจ้าของทั้ง Facebook และ Instagram ซึ่งเชื่อมโยงทั้งสองแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน
เมื่อคำนึงถึงประเด็นเหล่านี้แล้ว นี่จึงเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลมากที่จะพิจารณาและเลือกใช้การทำโฆษณาบน Facebook เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น
ประเภทหลักๆ ของ Facebook ad
Facebook ad คือการชำระเงินเพื่อโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Facebook โดยเราสามารถที่จะกำหนดเป้าหมายกลุ่มเป้าหมายเฉพาะหรือกลุ่มคนจำนวนมากที่เหมาะกับกลุ่มความสนใจเฉพาะได้
Image ads
ดึงดูดผู้คนมายังเว็บไซต์หรือแอปฯ ของคุณผ่านภาพที่มีความหมาย โดยใช้ภาพของคุณเองหรือเลือกภาพสต็อกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของคุณให้โลกได้รับรู้
Video ads
นำเสนอฟีเจอร์และดึงดูดผู้คนผ่านเสียงและภาพเคลื่อนไหว คุณยังสามารถสร้างวิดีโอในตัวจัดการโฆษณาโดยใช้เครื่องมือสร้างวิดีโอของ Facebook
Carousel ads
ใช้โฆษณาแบบภาพสไลด์เพื่อแสดงรูปภาพต่างๆ ของโปรดักต์หรือรูปภาพแบบยาว ซึ่งสามารถแสดงรูปภาพหรือวิดีโอได้สูงสุด 10 รายการในโฆษณา โดยแต่ละรายการมีลิงก์ของตัวเอง
Collection ads
แสดงรายการในแค็ตตาล็อกและสนับสนุนการชอปปิ้ง โดยโฆษณาแต่ละรายการได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน โดยตัวเลือกแบบไดนามิกนี้ช่วยให้สามารถแสดงโปรดักต์ได้หลากหลายรูปแบบ
4 ฟีเจอร์หลักของ Facebook Ads
Facebook ads มีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดเป้าหมายและดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายหันมาสนใจในโฆษณาเหล่านั้นได้ โดยเป้าหมายของ Facebook คือการแสดง user story ที่มีความสำคัญต่อกลุ่มเป้าหมาย และวิธีการพิจารณาว่าจะแสดงโพสต์ที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่นั้นต้องผ่านเกณฑ์ดังต่อไปนี้:
1. Inventoryหลักเกณฑ์นี้จะตรวจสอบเนื้อหาที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจปรากฏบนฟีดของผู้ใช้ Facebook โดยมุ่งมั่นที่จะส่งมอบเนื้อหาที่ผู้ใช้ปรารถนา โดยเน้นเนื้อหาที่แสดงถึงความหลากหลาย สอดคล้องกับพฤติกรรม และเป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งพิจารณาจากการมีส่วนร่วมและกิจกรรมของพวกเขา 2. Signalsสำหรับหลักเกณฑ์นี้จะพิจารณาคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละโพสต์ รวมถึงการโต้ตอบของผู้ใช้ เวลาในการโพสต์ และปริมาณการถูกใจที่ได้รับ ด้วยการประเมินสัญญาณเหล่านี้ Facebook จะได้รับ insight ว่าเหตุใดโพสต์ถึงได้รับความนิยม ซึ่งจะกำหนดโอกาสที่โพสต์นั้นจะปรากฏบนฟีดของผู้ใช้ สัญญาณที่ดำเนินการอยู่ เช่น การถูกใจ ความคิดเห็น และการแชร์ และสัญญาณที่ไม่มีการโต้ตอบ เช่น เวลาในการโพสต์ เป็นเพียงตัวชี้วัดเดียวที่แบรนด์สามารถส่งผลกระทบได้ ซึ่ง Morphosis มีช่องทางในการช่วยเหลือแบรนด์ต่างๆ ในการสร้างสัญญาณเหล่านี้ 3. Predictionsหลักเกณฑ์นี้จะวัดความน่าจะเป็นที่ผู้ใช้จะมีส่วนร่วมเชิงบวกกับโพสต์ ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การคาดการณ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับประวัติการใช้งาน Facebook ของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งครอบคลุมการเข้าถึงเนื้อหาและเวลาที่อยู่ในเพจหรือโพสต์ ซึ่งข้อมูลของผู้ใช้มีอิทธิพลต่อการคาดการณ์เหล่านี้ และด้วยความหลากหลายของการตั้งค่าของผู้ใช้ การคาดการณ์และแนวโน้มของการโต้ตอบเชิงบวกกับโพสต์จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยเหล่านั้น 4. Scoreหลักเกณฑ์นี้ได้มาจากสามหมวดหมู่ก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับโพสต์ เป็นคะแนนรวมที่ประเมินการมีส่วนร่วมระหว่างพื้นที่โฆษณา สัญญาณ และการคาดการณ์ โดยจะให้ Facebook เป็นมาตรวัดความนิยมของโพสต์เป็นตัวเลข ด้วยการพิจารณาเนื้อหาที่อาจแสดงบนฟีดของผู้ใช้ เกณฑ์เฉพาะที่มีอิทธิพลต่อการมองเห็นโพสต์ของผู้ใช้ และความน่าจะเป็นของการโต้ตอบเชิงบวก | |
แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับการโฆษณาบน Facebook
1. กำหนดวัตถุประสงค์ของคุณ
กำหนดผลลัพธ์ที่คุณต้องการสำหรับการโฆษณา ตั้งแต่การรับรู้ถึงแบรนด์และยอดขายที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงการดาวน์โหลดแอปฯ
2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย
ใช้สิ่งที่คุณรู้เกี่ยวกับผู้ชมของคุณเพื่อเข้าถึงพวกเขา เลือกข้อมูลประชากร, ความสนใจ, และปัจจัยอื่นๆ ที่แสดงถึงผู้ชมของคุณได้ดีที่สุด
3. ตัดสินใจว่าจะลงโฆษณาของคุณที่ไหน
เลือกแพลตฟอร์มที่คุณต้องการให้โฆษณาของคุณปรากฏต่อสายตาของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Instagram, Facebook หรือทั้งหมดข้างต้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถตัดสินใจได้ว่าจะแสดงโฆษณาของคุณในอุปกรณ์ประเภทใดได้อีกด้วย
4. ตั้งงบประมาณ
ตั้งงบประมาณรายวันหรือตลอดทั้งแคมเปญสำหรับโฆษณาของคุณ รวมถึงช่วงเวลาที่คุณต้องการให้โฆษณาของคุณทำงาน ขีดจำกัดเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ใช้เงินเกินงบประมาณที่มีอย่างแน่นอน
5. เลือกรูปแบบ
เลือกจากรูปแบบที่หลากหลายได้สูงสุดหกรูปแบบ โดยทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบให้ทำงานได้กับทุกอุปกรณ์และมีความเร็วในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และแน่นอนว่ารูปภาพเดียวหรือหลายรูปภาพเป็นเพียงตัวเลือกบางส่วนเท่านั้น
6. เริ่มลงโฆษณาของคุณ
ส่งโฆษณาของคุณและหลังจากนั้นโฆษณาจะเข้าสู่การประมูลโฆษณาของ Facebook เพื่อให้มั่นใจว่าจะเข้าถึงกลุ่มคนที่เหมาะสม
7. วัดผลและบริหารจัดการโฆษณาของคุณ
ในขณะที่โฆษณาของคุณกำลังทำงานอยู่ คุณก็ยังสามารถวัดผลได้ผ่านตัวจัดการโฆษณาของ Facebook โดยคุณสามารถดูโฆษณาแต่ละเวอร์ชันได้ที่นี่ และปรับแต่งได้ตามต้องการ
ทำให้อัลกอริทึมทำงานเพื่อคุณ
รู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณ
Morphosis ช่วยให้บริษัทต่างๆ ขยายการนำเสนอทางออนไลน์อย่างมีกลยุทธ์โดยการระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับโฆษณาบน Facebook เราขอเสนอวิธีการกำหนดเป้าหมายดังต่อไปนี้
1. การกำหนดเป้าหมายตามความสนใจโดยละเอียดทำให้เราสามารถช่วยเหลือลูกค้าในการระบุผู้คนตามข้อมูลโปรไฟล์ รวมถึงภาพยนตร์ เพลง และเนื้อหาที่โพสต์ที่พวกเขาชื่นชอบ การกำหนดเป้าหมายกลุ่มเฉพาะเหล่านี้มักจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมาก
2. การกำหนดเป้าหมายตามหมวดหมู่แบบกว้างทำให้เราสามารถเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น เช่น Facebook Pixel และส่วนเสริมอื่นๆ ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลของเราให้ดียิ่งขึ้น
กำหนดเป้าหมายผู้ชมของคุณใหม่
การกำหนดเป้าหมายใหม่ไปยังผู้ชมที่อาจสนใจหรือคุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณนั้นคุ้มค่าที่จะพิจารณามากไม่แพ้กัน
ทีมงานของเรานำเสนอบริการเพื่อสร้างโฆษณาที่สามารถแสดงโปรดักต์หรือบริการที่ผู้ใช้อาจสนใจโดยพิจารณาจากการกระทำก่อนหน้านี้
ตัวชี้วัดที่เราตรวจสอบประกอบไปด้วยผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ลูกค้าที่เคยซื้อโปรดักต์ของคุณมาก่อน และผู้ที่เพิ่งเข้ามาดูโปรดักต์ของคุณโดยที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย
ติดตามประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ
แม้ว่า Facebook จะไม่มีวิธีในการติดตาม conversion rate อีกต่อไป แต่เราก็สามารถเชื่อมช่องว่างของข้อมูลนี้ได้โดยการใช้ประโยชน์จาก Google Ads แทน
แม้ว่าโฆษณาจะประสบกับปัญหายอดการเข้าชมลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้โฆษณาเหล่านั้นกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งและดึงการเข้าชมที่สูญเสียไปกลับคืนมา
รู้จักกับทีมของเรา
Morphosis เราคือที่ปรึกษาด้านดิจิทัลที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่ทุ่มเททำทุกสิ่งเพื่อมอบผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าของเรา โดยเราจัดลำดับความสำคัญของความต้องการและแรงบันดาลใจของผู้ใช้ปลายทางในทุกความพยายามของเรา ให้เราขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจของคุณ ติดต่อทีมของเราเลยวันนี้ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมว่าเราสามารถช่วยเหลือคุณให้ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลได้อย่างไร