เทคนิคประเมินเวลาการทำงานโปรเจกต์ออกแบบ UX/UI ให้แม่นยำไม่ขาดทุน
เผยแพร่เมื่อ 27 Apr 2023 โพสไปที่การประเมินเวลาทำงานของแต่ละโปรเจกต์จะถูกอ้างอิงโดยชั่วโมงการทำงานและผลตอบแทนที่บริษัทจะได้จากการทำโปรเจกต์ UX/UI design ซึ่งดีไซเนอร์ทุกคนรู้ดีว่าการประเมินชั่วโมงการทำงานเป็นขั้นตอนการทำงานที่ท้าทายอย่างมาก โดยทั่วไป การทำงานของโปรเจกต์ UX/UI design นั้นมีความซับซ้อน และยากต่อการคำนวณเวลาทำงาน
ดังนั้น ผู้ที่ประเมินเวลาการทำงานในโปรเจกต์ UX/UI design อย่างละเอียด จะต้องเรียนรู้กระบวนการประเมินเวลาและการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ากับเวลา เพื่อให้ได้ผลตอบแทนทางธุรกิจได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความล้มเหลวในการเรียนรู้เกี่ยวกับการประเมินเวลาการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอาจส่งผลให้คุณและเพื่อนร่วมทีมใช้งบประมาณเกินกว่าที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังอาจทำให้เสียเวลาทำงานกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และส่งมอบงานล่าช้าได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจให้ทีมของคุณมีปัญหากับลูกค้าภายหลังได้
อย่างไรก็ตาม มีกระบวนการทำงานของการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยให้การประเมินเวลาทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น โดยบทความนี้จะแนะนำให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานในโปรเจกต์ UX/UI design ขั้นพื้นฐาน ที่จะทำให้การประเมินระยะเวลาการทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงการประเมินชั่วโมงการทำงานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายในบทความนี้

ทำความเข้าใจเป้าหมายของการประเมินชั่วโมงการทำงาน ด้วย 3 วิธีนี้
เทคนิคการประเมินเวลาทำงานด้านการออกแบบ UX/UI สามารถทำได้ด้วยการตั้งเป้าหมาย เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน เช่น นักออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมักคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ คือ “ต้นทุนการทำแอปฯ ราคาเท่าไร?” เพราะโครงสร้างในการทำแอปฯ มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการทำแอปพลิเคชัน ดังนั้น การคำนวณงบประมาณของต้นทุนการทำโปรเจกต์ UX/UI design ให้ถูกต้องนั้นจะต้องมี 3 องค์ประกอบ ในการประเมินเวลาการทำงาน
1. วิธีประเมินชั่วโมงการทำงานแบบองค์รวมของการออกแบบ UX/UI
การมองภาพรวมของโปรเจกต์ UX/UI design แบบกว้างๆ (Ballpark estimation) คือ การประเมินเวลาทำงานแบบคร่าวๆ เพื่อให้ทราบต้นทุนที่จะต้องใช้ในแต่ละโปรเจกต์อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป้าหมายของการประเมินเวลาทำงานนั้นจะต้องเป็นการคำนวณระยะเวลาที่จะทำให้แอปฯ หรือเว็บไซต์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นั่นจึงจะทำให้โปรเจกต์ของคุณประสบความสำเร็จ
ในกรณีนี้ การประเมินชั่วโมงการทำงานแบบคร่าวๆ สามารถอ้างอิงจากข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นการประเมินที่ทำให้รู้ว่าคุณจะต้องเผื่อเวลาในการทำงานเท่าไร จึงจะเพียงพอและไม่ทำให้ธุรกิจขาดทุน
2. วิธีประเมินต้นทุนการออกแบบ UX/UI
โดยทั่วไป พื้นฐานของการประเมินงบประมาณขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยกัน ประกอบด้วย การประเมินผลตอบแทนจากงบประมาณจากผลของการทำงานของโปรเจกต์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
คุณสามารถประเมินเวลาการทำงานโปรเจกต์ UX/UI design แบบเฉพาะเจาะจง และเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อเวลาการทำงานกับโปรเจกต์ที่เคยทำในอดีตได้แบบคร่าวๆ ถึงอย่างไร การประเมินระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละกระบวนการนั้นไม่แน่นอนเสมอไป จึงควรมองภาพรวมของการใช้ทรัพยากรในการทำงานอย่างจำกัด เพื่อใช้เวลาในการทำงานแบบรัดกุมภายในกรอบเวลาที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ
3. การประเมินเวลาทำงานช่วงสุดท้าย (Definitive estimation)
วิธีนี้เป็นการประเมินเวลาทำงานด้านการออกแบบ UX/UI ได้แม่นยำที่สุด โดยทั่วไปมักคำนวณเวลาจากรายละเอียดของเนื้องาน พร้อมทั้งทำสรุปสโคปงานของโปรเจกต์ทีละขั้นตอน
ก่อนที่จะเริ่มทำโปรเจกต์ UX/UI design คุณต้องตรวจสอบ sitemap หรือ user flow chart พร้อมทั้งวางแผนงานให้ดีก่อนว่าจะพัฒนาโปรเจกต์ไปในทิศทางไหน และเมื่อคุณแยกสัดส่วนการทำงานในแต่ละขั้นตอนออกมาชัดเจนแล้ว ก็จะทราบได้ทันทีว่าจะต้องดำเนินงานอย่างไรต่อไป ตลอดจนสามารถประเมินชั่วโมงการทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากกว่าการประเมินเวลาด้วยวิธีอื่น
เมื่อต้องเก็บข้อมูลให้ครบถ้วน คุณต้องพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับงบประมาณ รวมถึงการเจรจาว่าด้วยงบเท่านี้คุณสามารถทำอะไรได้บ้าง จากนั้นจึงค่อยอธิบายงานให้ดีไซเนอร์และ developer เข้าใจเนื้อหางานของโปรเจกต์
หากต้องการประเมินเวลาทำงานด้านการออกแบบ UX/UI อย่างแม่นยำ คุณต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจเป้าหมายในการทำงานตรงกัน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกรายละเอียดให้สำเร็จไปด้วยดี ด้วยการทำ wireframe mock-ups
กระบวนการประเมินเวลาการทำงาน UX/UI Design

ไม่ว่าคุณจะประเมินเวลาทำงานของโปรเจกต์ UX/UI design ด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินเวลาด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งคุณควรให้ความสำคัญในระดับที่เท่ากัน
ภาพรวมของการประเมินเวลาโปรเจกต์ UX/UI design สามารถทำได้ 5 วิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ทีมดีไซเนอร์ของ Morphosis ใช้ประเมินเวลาทำงาน ประกอบด้วย Top down estimation, Bottom estimation, Analogous estimation และ Three-point estimation
1. Top-down estimation
การประเมินเวลาทำงานของโปรเจกต์ UX/UI วิธีนี้เป็นการประเมินเวลาที่จะใช้แบบองค์รวม จากนั้นแบ่งสัดส่วนการทำงานต่างๆ ออกจากกัน และคำนวณเวลาที่ต้องใช้ในส่วนงานย่อยตามงบประมาณของโปรเจกต์ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้เร็วและช่วยให้คุณพิจารณางบประมาณให้เหมาะสมกับโปรเจกต์การออกแบบ UX/UI อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนงานภายในเวลาและงบที่มีอย่างจำกัดล่วงหน้าได้
ถ้าลูกค้าบอกว่าคุณว่า โปรเจกต์การออกแบบ UX/UI จะต้องเสร็จภายใน 6 เดือน คุณก็สามารถใช้การประเมินชั่วโมงการทำงานด้วยกระบวนการ Top-down นี้ เพื่อให้ทราบว่าควรใช้เวลาในการทำงานและรายละเอียดปลีกย่อยของโปรเจกต์นั้นได้มากแค่ไหนให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. Bottom-up estimation
อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้การประเมินเวลาทำงานโปรเจกต์ UX/UI ได้แม่นยำมากขึ้นไม่แพ้กระบวนการ Top-down ก็คือ การประเมินเวลาทำงานด้วยกระบวนการ Bottom-up โดยการประเมินเวลาการทำงานของงานแต่ละชิ้น หรือขอบเขตการทำงานของโปรเจกต์ จากนั้นค่อยประเมินชั่วโมงงานแบบรายบุคคล เพื่อให้ทราบชั่วโมงเต็มที่จะต้องใช้ในโปรเจกต์นั้น
การประเมินเวลาการทำงานแบบนี้เป็นการประเมินที่มีคุณภาพมาก เพราะต้องประเมินเวลาอย่างละเอียด จึงทำให้ง่ายต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละโปรเจกต์ และยังทำให้คุณมั่นใจได้ว่ามีงบประมาณเพียงพอและเหมาะสมกับเวลาการทำงาน
นอกจากนี้ คุณอาจต้องตรวจสอบการประเมินกรอบระยะเวลาของโปรเจกต์การออกแบบ UX/UI เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยกระบวนการประเมินเวลาแบบ Bottom-up จะช่วยให้คุณบริหารเวลาและงบประมาณของแต่ละโปรเจกต์ในขั้นตอนการดำเนินงานให้สำเร็จภายในเวลาและงบประมาณที่กำหนดได้อย่างลุล่วง
3. Analogous estimation
การประเมินเวลาแบบ Analogous estimation สามารถทำได้ด้วยการประเมินเวลาทำงานที่เคยให้ไปของโปรเจกต์ที่ผ่านมา ด้วยการเก็บรวบรวมสถิติชั่วโมงงาน ร่วมกับกระบวนการ Top-down
นั่นหมายความว่า สถิติชั่วโมงเวลาทำงานของโปรเจกต์ออกแบบ UX/UI ต่างๆ ในอดีตจะถูกคำนวณร่วมกับกรอบเวลาของโปรเจกต์ใหม่ หรือพูดง่ายๆ ว่า นำชั่วโมงที่ใช้ในการทำงานของทุกโปรเจกต์ทั้งหมดมารวมกัน เพื่อช่วยให้การประเมินเวลาครั้งนี้มีความแม่นยำมากขึ้น และยิ่งคุณมีโปรเจกต์ด้านการออกแบบให้เปรียบเทียบมากเท่าไร คุณก็จะสามารถประเมินเวลาในการทำงานได้แม่นมากเท่านั้น
ประโยชน์ของการประเมินเวลาทำงานด้วยกระบวนการนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการประเมินเวลาได้อย่างมาก นั่นหมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือการคำนวณเวลาในการทำงานโปรเจกต์ออกแบบ UX/UI ทีละส่วนให้เสียเวลา แต่ควรคำนึงไว้เสมอว่าแต่ละโปรเจกต์มีเนื้องานและรายละเอียดต่างๆ ที่มีความเฉพาะตัว เพื่อทำให้ทราบว่าจะต้องใช้พนักงานกี่คนในโปรเจกต์ที่มีความเฉพาะตัวแตกต่างกัน
4. Parametric estimation
การประเมินชั่วโมงการทำงานแบบ Parametric estimation สำหรับโปรเจกต์ด้านการออกแบบ UX/UI บางครั้งอาจมีความแม่นยำมากกว่ากระบวนการ Top-down หรือ Analogous ด้วยซ้ำ
กระบวนการประเมินงานแบบ Parametric estimation นั้น หลักๆ ขึ้นอยู่กับการประเมินงานของโปรเจกต์การออกแบบ UX/UI ชิ้นใหม่ ซึ่งสามารถปรับใช้กับตัวแปรต่างๆ โดยคำนวณจากต้นทุนบวกกับระยะเวลาทำงานที่กำหนดรวมกัน จากนั้นก็ร่างชั่วโมงเวลาสำหรับส่วนงานย่อยที่จำเป็นต้องใช้ในโปรเจกต์ ด้วยการประเมินเวลาทำงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับตัวแปรต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น การคำนวณต้นทุนและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำงาน โดยคุณจะต้องรวบรวมข้อมูลการทำงานของโปรเจกต์ก่อนหน้าที่มีส่วนคล้ายกับโปรเจกต์ใหม่ จากนั้นนำมาเปรียบเทียบจำนวนพนักงานและเวลาที่เคยใช้ในแต่ละโปรเจกต์ ซึ่งนั่นรวมถึงการคำนวณชั่วโมงงานแต่ละหน่วยรวมกัน (เลือกคำนวณชิ้นงานที่มีเนื้อหาสาระคล้ายกับโปรเจกต์ใหม่จากแต่ละส่วนงาน)
ข้อดีของกระบวนการประเมินงานแบบ Parametric ที่เห็นได้ชัด คือความรวดเร็วในการประเมินงานที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มาก ซึ่งเป็นการคำนวณชั่วโมงการทำงานโปรเจกต์การออกแบบ UX/UI อย่างแม่นยำด้วยการคำนวณต้นทุน จำนวนพนักงาน และระยะเวลาในการทำงานสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการประเมินเวลาในขณะนั้น
5. Three-point estimation
กระบวนการประเมินเวลาทำงานแบบ Three-point estimation เป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งจะทำให้ทราบระยะเวลาและต้นทุนที่ต้องใช้ในโปรเจกต์ UX/UI design ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่อยากให้งานเสร็จตรงเวลาภายใต้งบประมาณที่มีอย่างจำกัด ซึ่งต่างจากเทคนิคการคำนวณเวลาแบบ Ballpark estimation อย่างสิ้นเชิง
Three-point estimation เป็นกระบวนการที่ประเมินจาก 3 การคาดการณ์ ประกอบด้วย โปรเจกต์ UX/UI design ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุด และโปรเจกต์ที่มีความคล้ายกับโปรเจกต์ที่ต้องประเมินเวลาทำงานมากที่สุด
เมื่อประเมินเวลาทำงานด้วยเทคนิคนี้ คุณจะต้องทราบก่อนว่ามีจำนวนพนักงาน และระยะเวลาในการทำงานที่ผ่านมาจากโปรเจกต์ UX/UI ที่คล้ายกันกับโปรเจกต์ที่ต้องการประเมินเวลาการทำงานมากที่สุด เพื่อช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์ที่ต้องใช้เวลาแก้ปัญหาต่างๆ ล่วงหน้า พร้อมทั้งลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทีมงานและบริษัทของคุณได้
แหล่งที่มา Stock adobe
4 ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการประเมินเวลาทำงานของโปรเจกต์ UX/UI design
“ข้อผิดพลาดที่อาจหลบซ่อนอยู่ในรายละเอียด หมายถึง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในแผนงานและโปรเจกต์ที่ผิดพลาดบ่อย คือสาเหตุที่จะนำไปสู่อุปสรรคอันใหญ่หลวงในอนาคต”
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายปัจจัยที่คุณอาจมองข้ามไปจนอาจทำให้การประเมินเวลาการทำงานไม่แม่นยำหรือผิดพลาดได้ ซึ่งบางครั้งก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนั้น ปัจจัยต่อไปนี้จึงไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาและอุปสรรคให้คุณได้ทั้งหมด แต่เป็นเช็กลิสต์ที่คุณสามารถใช้ในการวางแผนงานและประเมินเวลาในครั้งต่อไปได้
1. ไม่คิดให้รอบคอบและละเลยการประเมินความเสี่ยง
ไม่ว่าโปรเจกต์ไหน ก็มีความเสี่ยงในการประเมินเวลาในการทำงานทั้งนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณอาจมองข้ามและละเลยความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจส่งผลให้การประเมินเวลาทำงานในขั้นตอนต่างๆ คลาดเคลื่อนได้
ถ้าคุณคำนวณเวลาการทำงานผิดพลาดไปโดยไม่ได้เช็กให้แน่ใจตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจทำให้เสียเวลาการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น เพื่อให้คุณประเมินเวลาการทำงานได้อย่างแม่นยำ คุณจะต้องสำรวจให้ละเอียดก่อนว่ามีขั้นตอนไหนที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจทำให้เสี่ยงต่อการทำงานล่าช้า แล้วจึงค่อยเริ่มทำโปรเจกต์เหล่านั้นอย่างระมัดระวัง
แต่บางครั้ง ความเสี่ยงในการประเมินเวลาอาจมีสาเหตุจากการที่ไม่มี stakeholder mapping หรือข้อมูลมากพอสำหรับการประเมิน จึงทำให้ผู้ประเมินไม่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบงานส่วนไหนบ้าง หรือแม้กระทั่งว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลอะไรได้ ไปจนถึงจำนวนพนักงานที่ไม่สัมพันธ์กับปริมาณงานจนอาจทำให้การส่งมอบโปรเจกต์ UX/UI ล่าช้าได้
ตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูล APIs ให้ตรงตามกำหนดเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับการประเมินเวลาโปรเจกต์ UX/UI เพราะคุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อไร APIs จะทำเสร็จ ซึ่งยังไม่นับรวมความเสี่ยงที่อาจทำให้การส่งมอบโปรเจกต์ล่าช้าไปอีกหลายเดือน จนอาจนำไปสู่การเสียค่าใช้จ่ายที่อาจส่งผลเสียต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัทได้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญในการรีวิวและให้ฟีดแบ็กในขั้นตอนการทำงานจากลูกค้า เพื่อรออนุมัตินั้นเป็นขั้นตอนที่จะต้องคำนวณเข้าไปด้วย เพื่อให้คุณจัดตารางเวลาการทำงานได้อย่างสมเหตุสมผล
2. ผู้รับผิดชอบงานไม่มีส่วนร่วมในการประเมินเวลาการทำงานของตัวเอง
การจัดสรรงานให้ตรงตามความถนัดของพนักงานเป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณสามารถส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาที่กำหนด แต่ถ้าทำผิดพลาดในขั้นตอนนี้ ก็อาจส่งผลให้การส่งมอบงานคลาดเคลื่อนได้ เพราะการประเมินเวลาการทำงานของแต่ละคนนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเราขอแนะนำให้พนักงานที่รับผิดชอบโปรเจกต์มีส่วนร่วมในการประเมินเวลาการทำงานของตัวเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้การส่งมอบโปรเจกต์เป็นไปตามกำหนด
3. คำนวณเวลาในรายละเอียดปลีกย่อยของโปรเจกต์ UX/UI ไม่ครบถ้วน
หนึ่งในความผิดพลาดที่พบได้บ่อยนั่นคือ การประเมินเวลาที่จะต้องทำให้เสร็จในแต่ละชิ้นงานผิดพลาดไป ซึ่งนั่นไม่เพียงเป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการโปรเจกต์ แต่ยังเป็นความรับผิดชอบของทุกคนในทีม ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการรายงาน การประชุม ส่งอีเมล และโทรติดต่อ
ยิ่งเป็นโปรเจกต์ UX/UI ที่ใหญ่ ก็ยิ่งยากต่อการวางแผนการทำงานให้ละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่คุณจะต้องแบ่งความรับผิดชอบย่อยๆ หลายส่วน เพื่อทำให้การคำนวณเวลาทำงานโปรเจกต์แม่นยำ
4. ไม่ช่วยลูกค้าสรุปงานให้ตรงกับความต้องการของโปรเจกต์ UX/UI
ลูกค้าส่วนใหญ่คาดหวังให้ผลงานออกมาตรงตามความต้องการ แต่บางครั้งพวกเขาไม่สามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้คุณเข้าใจได้
ขั้นตอนนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการโปรเจกต์ที่จะต้องช่วยวิเคราะห์สิ่งที่ลูกค้าต้องการหรือสิ่งที่จำเป็นต่อโปรเจกต์ UX/UI ให้ได้ ซึ่งการระบุความต้องการนี้จะต้องคำนึงถึงค่าจ้างที่ลูกค้าจ่ายให้คุณด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเวลาในการทำงานมากเกินจำเป็น
ให้เราช่วยคุณประเมินเวลาการทำงานโปรเจกต์ UX/UI อย่างแม่นยำ!
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะต้องประเมินเวลาการทำงานของโปรเจกต์การออกแบบ UX/UI ให้ถูกต้องและแม่นยำได้อย่างไร และควรจำไว้เสมอว่ากระบวนการประเมินเวลาของแต่ละโปรเจกต์นั้นไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละบริษัทและประเภทโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้นจึงต้องคำนวณเวลาจากศักยภาพของพนักงานและเลือกกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ หรืออาจรวมทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน เพื่อใช้วางแผนการทำงานของโปรเจกต์
นอกจากการวางแผนงานแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำงานก็คือการทำงานกับทีมที่ทำงานร่วมกันได้ เพื่อทำให้การประเมินเวลา การส่งมอบงาน และรายละเอียดย่อยอื่นๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตลอดจนสามารถส่งมอบโปรเจกต์ได้ตรงเวลาภายในงบที่มีจำกัด
มอร์โฟซิส บริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัล เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถรอบด้านที่พร้อมช่วยให้โปรเจกต์การออกแบบ UX/UI และพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ตรงกับความต้องการ เรียนรู้วิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด ติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และพร้อมช่วยประเมินเวลาทำงานโปรเจกต์