นักการตลาดต้องรู้ conversion rate คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่มให้สูงขึ้น
conversion rate ถือได้ว่าเป็นค่าที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ด้านการตลาดอย่างเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าการที่เราจะทำให้ค่านี้ปรับตัวสูงขึ้นได้ตามความต้องการนั้น จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลากหลายมิติ เพื่อให้แคมเปญการตลาด หรือแม้แต่แพลตฟอร์มออนไลน์ของคุณ สามารถที่จะเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าของคุณได้มากขึ้น แน่นอนว่าในบทความนี้มีวิธีการและคำตอบสำหรับการทำสิ่งเหล่านั้นให้กับคุณ
Conversion rate คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับแคมเปญการตลาด?
conversion rate คือเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือผู้ใช้ที่ดำเนินการตามที่คนที่กำหนดแคมเปญนั้นต้องการ ซึ่งมักเรียกว่า "conversion" จากจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด โดยสิ่งนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเว็บไซต์หรือธุรกิจ ที่อาจหมายถึงการซื้อ, การกรอกแบบฟอร์ม, การสมัครรับจดหมายข่าว, หรือกิจกรรมอื่นใดที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจก็ได้
อาจกล่าวได้ว่า conversion rate คือปัจจัยหลักที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด ซึ่ง conversion rate ที่สูงขึ้นบ่งชี้ว่าผู้ชมในสัดส่วนที่มากขึ้นตอบสนองต่อแคมเปญของคุณในทางบวก ในขณะที่ conversion rate ที่ต่ำลงอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาที่คุณต้องปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ประสิทธิภาพของแคมเปญกลับมาดีขึ้นแล้ว
Conversion rate คิดยังไง และมีกี่ประเภท?
หลักการในการคิดหา conversion rate นั้นจริงๆ ง่ายกว่าที่หลายคนคิด โดยเริ่มจากวิธีง่ายๆ ด้วยการใช้สูตร % conversion rate = (conversion/clicks) x 100 ตัวอย่างเช่น มีคนกรอกเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณ 50,000 คน และมีผู้ที่กดปุ่มเพื่อสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการบนเว็บไซต์ของคุณจำนวน 1,500 คน จะมีรูปแบบดังนี้ (1,500x100/50,000) ผลลัพธ์คือ conversion rate อยู่ที่ 3%
จากข้อมูลของ ruleranalytics เปิดเผยว่าค่า conversion rate โดยเฉลี่ยของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2.9% ซึ่งตัวเลขที่สูงที่สุดจะเป็นกลุ่มผู้ให้บริการระดับมืออาชีพที่ 4.6% และต่ำสุดที่ 1.8% ในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2B (bussiness to bussines)
สำหรับใครที่อยากรู้เรื่อง conversion rate ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราจะพาคุณไปเข้าใจว่า conversion rate ทั้ง 6 ประเภท นั้นมีอะไรบ้าง
Sales Conversion
Sales conversion หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ที่พวกเขาได้ทำในสิ่งที่คุณกำหนดเป้าหมายเอาไว้ เช่น ซื้อสินค้า สมัครรับจดหมายข่าว หรือการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ โดยจะวัดประสิทธิภาพของกระบวนการขายหรือการตลาดในการเปลี่ยนลูกค้าเป้าหมายหรือลูกค้าเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าที่ชำระเงินจริง
Lead Generation Conversion
Lead generation conversion คือกระบวนการเปลี่ยนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือที่เรียกว่าลูกค้าเป้าหมาย ให้กลายเป็นผู้ที่กรอกใบสมัครหรือลูกค้าของคุณจริงๆ โดยเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นให้บุคคลแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแบรนด์ของคุณ แล้วแปลงให้เป็นโอกาสในการขายที่จับต้องได้โดยการรวบรวมข้อมูลติดต่อของพวกเขานั่นเอง
Click-Through Rate (CTR)
CTR หรือ click-through rate เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการโฆษณาและการตลาดออนไลน์เพื่อวัดประสิทธิภาพของแคมเปญในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ที่ดูโฆษณาหรือเนื้อหาคลิกมาที่โฆษณาจริงบ่อยแค่ไหน
Download Conversion Rate
Download conversion rate หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมหรือผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์ ซอฟต์แวร์ เอกสาร หรือคอนเทนต์ดิจิทัลอื่นๆ ได้สำเร็จ จากจำนวนผู้ที่มีโอกาสดาวน์โหลดทั้งหมด โดยทั่วไปตัวชี้วัดนี้ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาดในการกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการดาวน์โหลดคอนเทนต์เฉพาะตามที่ต้องการ
Subscription Conversion Rate
Subscription conversion rate คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ชมหรือผู้ใช้ที่สมัครรับบริการ จดหมายข่าว หรือข้อเสนออย่างต่อเนื่องใดๆ สำเร็จ จากจำนวนผู้ที่มีโอกาสสมัครรับบริการดังกล่าว โดย conversion ชนิดนี้ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ หน้า landing page หรือแคมเปญการตลาดในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นสมาชิกในที่สุด
Form Submission Conversion Rate
Form submission conversion rate หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้ชมหรือผู้ใช้ที่ส่งแบบฟอร์มได้สำเร็จ (เช่น แบบฟอร์มติดต่อ หรือแบบสำรวจ) จากจำนวนผู้ที่มีโอกาสส่งแบบฟอร์มทั้งหมด โดยทั่วไปแล้วตัวชี้วัดนี้ใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือหน้า landing page ในการแปลงผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายหรือได้ข้อมูลของพวกเขาเพื่อติดต่อกลับภายหลัง
App Store Conversion Rate
App store conversion rate คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ทำการดาวน์โหลดแอปฯ หลังจากไปที่หน้า App Store หรือ Google Play ด้วยมือถือหรือแท็บเล็ต ตัวชี้วัดนี้จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคำอธิบายข้อมูลของแอปพลิเคชันนั้นๆ มีประสิทธิภาพมากขนาดไหน ในการกระตุ้นให้ผู้มีโอกาสเป็นผู้ใช้ตัดสินใจดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้งานจริง
วิธีที่ช่วยให้ app store conversion rate เพิ่มขึ้นนั้น สามารถได้ด้วยการทำ ASO (app store optimization) ที่เป็นกระบวนการหนึ่งซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นและโอกาสที่ผู้ใช้เป้าหมายจะค้นหาแอปฯ มือถือของคุณเจอใน App Store ทั้งของ Apple และ Android เพราะยิ่งมีคนมองเห็นมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่คนจะดาวน์โหลดแอปฯ มากขึ้นเท่านั้น และยังส่งผลถึงอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาของ App Store ต่างๆ ในระยะยาวอีกด้วย
ทั้งนี้ การทำ ASO ที่ดีจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบต่างๆ ตั้งแต่ ชื่อแอปฯ, คำอธิบาย, ภาพตัวอย่างการใช้แอปฯ, และการให้คะแนนจากผู้ใช้ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบเหล่านี้ให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้จากการใช้แอปฯ นั่นเอง
CPC และ CPA คือค่าที่นักการตลาดควรรู้เพื่อการทำแคมเปญที่ดีขึ้น
CPC (Cost per Click) และ CPA (Cost per Acquisition) เป็นสองตัวชี้วัดที่นักการตลาดใช้ในการในการวัดผลและดูว่าเงินที่ใช้จ่ายในการทำสำหรับแคมเปญการตลาดออนไลน์และโฆษณานั้นคุ้มค่ากับเงินลงทุนมากขนาดไหน
1. CPC (Cost per Click)
CPC คือรูปแบบการกำหนดราคาในแคมเปญโฆษณา เช่น Google Ads, display ads, และโฆษณาบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ปกติแล้วผู้ลงโฆษณาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีผู้ใช้คลิกโฆษณาของตน ซึ่งช่วยให้ทราบว่าต้นทุนในการดึงดูดผู้ชมเป้าหมายให้เข้ามายังเว็บไซต์อยู่ที่เท่าไร สำหรับสูตรคำนวณหา CPC นั้นก็คิดได้ง่ายๆ คือ เงินทั้งหมดที่ใช้กับแคมเปญ/จำนวนคลิกที่ได้ ดังนี้
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เงินกับแคมเปญโฆษณาไปเป็นจำนวน 50,000 บาท และคนมีคลิก 38,500 คลิก CPC ก็จะเท่ากับ 50,000 บาท / 38,500 คลิก = 1.29 บาทต่อคลิก
2. CPA (Cost per Acquisition)
CPA คือรูปแบบการกำหนดราคาที่ผู้ลงโฆษณาชำระค่าธรรมเนียมตามการกระทำที่ผู้ใช้ได้ดำเนินการอันเป็นผลมาจากการคลิกโฆษณา, การดำเนินการอาจเป็นการขาย, การได้ lead ที่อาจเป็นลูกค้าเป้าหมาย, การส่งแบบฟอร์ม, หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าอื่นๆ ตามที่เจ้าของแคมเปญได้ระบุไว้ และนี่คือสูตรคำนวณหา CPA ที่ใครก็คิดหาได้ เพียงนำเงินที่ทั้งหมดที่ใช้กับแคมเปญ/จำนวน conversion ที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เงินกับแคมเปญโฆษณาไปเป็นจำนวน 110,000 บาทและได้รับแบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว 879 รายการ (conversion) CPA จะเท่ากับ 110,000 บาท / 879 conversions = 125 บาท ต่อ 1 conversion นั่นเอง
4 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ conversion rate
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่นักการตลาดส่วนใหญ่ต้องการทำให้ได้ก็คือ การทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นให้ conversion rate ในแคมเปญที่ดูแลอยู่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราจะมาเปิดเผยถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ conversion rate ได้อย่างเห็นผล
1. ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ที่ดี
UX หรือประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีจะส่งผลเชิงบวกต่อ conversion rate โดยตรง ด้วยการทำให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ช่วยดึงดูดสายตา และสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ใช้ที่เข้ามา นอกจากนี้ การนำทางที่ง่ายดาย CTA ที่ชัดเจน เวลาในการโหลดที่รวดเร็ว และองค์ประกอบต่างๆ ที่สร้างความไว้วางใจให้ผู้ใช้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น น่าดึงดูดใจ กระตุ้นให้ผู้ชมกลายมาเป็นลูกค้าของคุณในท้ายที่สุด
2. การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคำกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA)
คำกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีมีอิทธิพลต่อ conversion rate อย่างมาก เพราะ CTA ที่ดีจะสามารถดึงดูดให้ผู้ใช้ทำในสิ่งต่างๆ ตามที่นักการตลาดต้องการได้ ตั้งแต่คลิกเพื่อซื้อสินค้า บริการ หรือสมัครสมาชิก ซึ่งรูปแบบของ CTA ที่น่าสนใจจะมีลักษณะการใช้ภาษาที่เหมาะสมกับโปรดักต์นั้นๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รู้สึกสนใจอยากที่จะรู้จัก ซื้อ หรือขอคำปรึกษา ในขณะเดียวกันตำแหน่งของการวาง CTA ที่ถูกต้องก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยควรอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับเนื้อหาหรือรูปภาพที่อธิบายถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และบริการนั้นๆ เพื่อให้ผู้ใช้ตัดสินใจคลิกและเพิ่ม conversion ให้กับแคมเปญของคุณได้ในทันที
3. การเพิ่มประสิทธิภาพหน้า landing page
การเพิ่มประสิทธิภาพหน้าให้กับหน้า landing page นั้นส่งผลดีต่อ conversion rate ไม่แพ้ปัจจัยอื่น เริ่มจากปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ดูให้แน่ใจว่าคอนเทนต์เว็บไซต์เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และปรับปรุงการออกแบบโดยรวมให้ดีและใช้งานได้ง่ายที่สุด ซึ่ง landing page ที่ได้รับการปรับมาอย่างดีนั้นจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เพิ่มการมีส่วนร่วม และกระตุ้นให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมทำในสิ่งที่นักการตลาดต้องการ นั่นก็คือการได้ conversion rate ที่เพิ่มขึ้น
4. ออกแบบให้เหมาะสำหรับการใช้งานบนมือถือ
การออกแบบเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มให้เหมาะกับการใช้งานผ่านมือถือจัดได้ว่าส่งผลต่อ conversion rate อย่างมากในยุคที่ทุกคนใช้มือถือเป็นอุปกรณ์หลักในการทำทุกสิ่งอย่าง โดยเว็บไซต์ที่ออกแบบมาในแนวทาง responsive design จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้น ด้วยการใช้งานที่ราบรื่นในทุกจุด และสามารถดึงดูดผู้ใช้ให้อยากกลับมาใช้งานอย่างต่อเนื่องในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4 กลยุทธ์ในการเพิ่ม conversion rate แบบมืออาชีพ
หากคุณต้องการเพิ่ม conversion rate ให้กับเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือแคมเปญการตลาดใดๆ ก็ลองวางกลยุทธ์ด้วยการพิจารณา 4 กลยุทธ์เหล่านี้
ทำ A/B testing เพื่อหาสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายชอบที่สุด
เริ่มต้นด้วยการทำ A/B testing ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์ เช่น การพาดหัว รูปภาพ หรือ CTA ของเว็บไซต์เวอร์ชันไหนเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้มากกว่ากัน จากนั้นจึงทำการปรับปรุงคอนเทนต์ภายในหน้าให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังว่าจะได้รับจากการเข้าชม ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการทำ A/B testing จะบ่งบอกว่าเว็บไซต์แบบไหนที่จะช่วยเพิ่ม conversion rate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นพึ่งพาการคาดเดาหรือคิดแทนผู้ใช้ตัวจริง
วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ด้วยเครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ เช่น Google Analytics, Mixpanel, หรือ Hotjar เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่ม conversion rate เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้คุณได้รับ insight ว่าผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์อย่างไร ทั้งยังช่วยเปิดเผยข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับ user journey หน้าเว็บยอดนิยม และจุดที่เป็นปัญหาบนเว็บไซต์ ด้วยการตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลเหล่านี้ คุณจึงสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบต่างๆ ในเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุด เช่น เลย์เอาต์ของหน้า ตำแหน่งของคอนเทนต์ และ CTA เพื่อให้ทุกสิ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
ใช้กลยุทธ์ personalization เพื่อทำให้ผู้ใช้ชื่นชอบ
เว็บไซต์ที่ใช้กลยุทธ์การทำคอนเทนต์แบบ personalization โดยการนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสำหรับผู้ใช้แต่ละคน จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม ไว้วางใจ และอยากที่จะกดคลิกหรือทำอะไรตามที่ CTA ของคุณออกแบบมาเพื่อสิ่งนั้น โดยแนวทางที่คอนเทนต์ต่างๆ ได้มีการปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกเฉพาะแต่ละบุคคลนี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม นำไปสู่ความพึงพอใจที่สูงขึ้น และเพิ่ม conversion rate ได้มากยิ่งกว่าเดิม
สร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
การสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในระยะยาวให้กับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของคุณ ด้วยการนำเสนอรีวิวจากลูกค้าตัวจริง รางวัลที่แสดงถึงความสำเร็จต่างๆ จากบรรดาองค์กรหรือผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับโปรดักต์และบริการของคุณ ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ conversion rate เพิ่มสูงขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าเชื่อถือแบรนด์ พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วม ซื้อสินค้าซ้ำ และแนะนำผู้อื่นให้เข้ามามากขึ้น
ความน่าเชื่อถือยังช่วยส่งเสริมความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ลดข้อสงสัย และความลังเลในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการรับรู้เชิงบวกนี้มีส่วนทำให้ conversion rate สูงขึ้น เนื่องจากลูกค้ารู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากขึ้นในขณะที่ทำธุรกรรมต่างๆ กับแบรนด์ที่พวกเขาไว้วางใจ
ปรึกษาเรื่องการเพิ่ม conversion rate กับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
การเพิ่ม conversion rate นั้นจะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่เราได้กล่าวมาในบทความนี้ เพื่อให้ไปถึงตัวเลขที่ใครสักคนหนึ่งวางเอาไว้เป็นธงให้คนในทีมของคุณจะไปให้ถึง Morphosis และ Seven Peaks เราเข้าใจดีถึงความท้าทายในการทำสิ่งนั้น หากคุณอยากจะเพิ่ม conversion rate ที่ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ระยะสั้น แต่เป็นระยะยาวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอยากทำการตลาดดิจิทัล หรือค้นหาว่าตอนนี้เว็บไซต์ของคุณกำลังมีปัญหาอะไรอยู่บ้างผ่านการทำ user research, A/B testing และแม้การเรื่องการออกแบบ UX/UI ก็ให้ปรึกษาเราตอนนี้