วิธีเอาชนะทุกอุปสรรคในการทำ Digital Transformation ของธุรกิจ
สรุปประเด็นสำคัญ
การทำ digital transformation ต้องใช้กลยุทธ์ที่วางไว้อย่างระมัดระวังเนื่องจากการวางกลยุทธ์ที่ไม่ดีและทีมงานที่ไร้ประสิทธิภาพอาจทำให้คุณไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยน
การจัดทำงบประมาณสำหรับ digital transformation นั้นต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพราะหากมีส่วนหนึ่งส่วนใดตกหล่นไปอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่องบประมาณหรือสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลได้ในภายหลัง
การปรับวัฒนธรรมองค์กรและสื่อสารกับพนักงานอย่างชัดเจนคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะอุปสรรคในการทำ digital transformation ได้ และยังช่วยให้ทีมงานรู้สึกอุ่นใจในระหว่างที่บริษัททำการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
โลกที่เราเคยรู้จักได้เปลี่ยนเป็นโลกดิจิทัลไปแล้ว และไม่มีทางหวนกลับมาอีก สิ่งนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทำให้ทุกบริษัทต้องวิวัฒนาการตามและหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนนี้มักจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบริษัท หากบริษัทไม่มีการวางแผนงานที่แน่นอนเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับ digital transformation ก็เป็นไปได้ที่องค์กรจะหมดอนาคตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อย่างที่เรารู้กันดีว่า หลายๆ บริษัทอาจปรับตัวได้ยากและนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนโลกใบใหม่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ หรือใช้ต้นทุนต่ำ
ดังนั้น ด้วยเหตุที่สภาพแวดล้อมรอบตัวในยุคสมัยใหม่นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจะมาพูดถึงอุปสรรคสำคัญที่ธุรกิจอาจพบเจอและหนทางแก้ไขกันว่ามีอะไรบ้าง
มีอุปสรรคอะไรบ้างและจะแก้ไขอย่างไร
Digital transformation สามารถสร้างโอกาสและแก้ไขปัญหาที่เรามีในยุคปัจจุบันได้ ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็อาจมีปัญหาเชิงดิจิทัลในแบบของมันเองเช่นกัน และเราบางคนก็อาจยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับมัน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับความรู้สึก หรือการขาดแคลนทรัพยากรเชิงวัตถุบางอย่างสำหรับธุรกิจบางประเภทก็ได้
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้จริง
ที่มา: https://unsplash.com/
การนำเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้อาจเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเพราะช่วยให้ทำงานบางอย่างได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีอุปสรรคตรงที่การเตรียมทีมงานให้พร้อมสำหรับ digital transformation ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
การตัดสินใจลงทุนกับเครื่องมือดิจิทัลใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างระมัดระวัง หากคุณเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ให้ดีก็จะสามารถตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานหรือรักษาลูกค้าของคุณไว้ได้
หากไม่นำเครื่องมือไปใช้อย่างจริงจัง แทนที่เครื่องมือเหล่านั้นจะทำงานให้คุณอย่างเต็มศักยภาพ ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งให้คุณพัฒนาได้ช้าลง
แม้ว่าเครื่องมือออนไลน์อาจจะมีอินเทอร์เฟซ ฟังก์ชัน หรือลักษณะการใช้งานที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่คุณไม่ควรคิดไปเองว่าพนักงานจะสามารถปรับตัวเพื่อใช้งานมันได้ง่ายๆ
การรวบรวมความรู้และทักษะ รวมถึงความมั่นใจเพื่อใช้งานเครื่องมือใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย และอาจต้องใช้เวลาพอสมควร
คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เตรียมความพร้อมพนักงานอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับตัวได้ง่ายขึ้นและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในท้ายที่สุด
ประสบการณ์ของลูกค้า
บริษัทต่างๆ รู้ถึงประโยชน์ของการใช้ AI เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้ลูกค้า และเข้าใจถึงผลกระทบต่ออนาคตของธุรกิจในเชิงทฤษฎีได้มากขึ้นแล้ว แต่พวกเขายังไม่สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เร็วพอ
การมอบประสบการณ์แย่ๆ ให้ลูกค้าคือภัยเงียบต่อธุรกิจของคุณ เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ที่จากไปเพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีนั้นมักจะหายไปโดยไม่ได้ฝากคอมเมนต์อะไรไว้เลย เช่น พวกเขาไม่ชอบอะไรบ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ดังนั้น คุณจึงไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าต้องโฟกัสกับเรื่องไหนถึงจะปรับปรุงแก้ไขผลิตภัณฑ์ได้
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จก็คือ โฟกัสกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เป้าหมายของคุณคือ ให้ความสำคัญกับ customer journey
หากคุณใช้ทุก touchpoint ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ตลอดทั้งเส้นทาง แทนที่จะพยายามขายอย่างเดียว คุณก็มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าในระยะยาวมากกว่า ทั้งยังเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มรายได้และรักษาลูกค้าเอาไว้ นั่นช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงอีกหลายปี
การปรับตัวกับทุกช่องทางการสื่อสาร
ในยุคนี้ เมื่อลูกค้าต้องการจะซื้อของ พวกเขาจะย้ายจากช่องทางหนึ่งไปยังอีกช่องทางหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะเข้าไปดูเว็บไซต์ของคุณโดยค้นหาข้อมูลจากสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต หรืออาจไปที่ร้านของคุณเพื่อสั่งซื้อออนไลน์ทีหลังก็ได้
นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า omnichannel shopper หรือ นักช็อปที่ใช้ช่องทางหลากหลาย โดยนักช็อปเหล่านี้ทำให้บริษัทมากมายจากหลายสาขาธุรกิจทั่วโลกต้องปรับตัวมาใช้การสื่อสารที่หลากหลายช่องทางมากขึ้น
คุณอาจจะคิดว่าธุรกิจของคุณไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนักช็อปแบบนี้หากคุณเน้นการขายตัวต่อตัวในรูปแบบดั้งเดิม โดยไม่มีการสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัลขึ้นมาให้ดีๆ ทว่าการทำแบบนี้อาจเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของแบรนด์คุณไปถึงครึ่งหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเลยทีเดียว
วิธีแก้ไขปัญหานี้คือ ใช้ช่องทางการขายที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน และคุณจะต้องสร้างช่องทางบริการลูกค้าแบบรวมศูนย์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกลูกค้าได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าพวกเขาจะติดต่อจากช่องทางไหนก็ตาม
นั่นหมายความว่าคุณจะต้องสร้างเครือข่ายให้บริการที่หลากหลายและทำการตลาดด้วยหลากหลายช่องทางเพื่อสร้าง engagement กับลูกค้า
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานกับช่องทางอันหลากหลาย แต่สิ่งที่คุณลงทุนลงแรงไปจะคุ้มค่าแน่นอน เพราะหากไม่ทำก็มีโอกาสสูญเสียลูกค้าจำนวนมหาศาล
ขาดงบประมาณ
การปรับเปลี่ยนธุรกิจของคุณให้เป็นแบบดิจิทัลนั้นอาจต้องเพิ่มการลงทุนและใช้เงินค่อนข้างมาก ควรใช้งบประมาณในการตรวจสอบว่าที่จริงแล้วคุณสามารถลงทุนได้มากแค่ไหนในการสร้างกลยุทธ์ digital transformation ให้ธุรกิจของคุณ หากจำเป็นก็ควรวางกลยุทธ์ออกเป็นหลายช่วง เพื่อให้คุณไม่ต้องลำบากกับการจัดสรรงบประมาณจนเกินไป
เมื่อมีดีมานด์จากลูกค้ามากขึ้น การเปลี่ยนแปลงธุรกิจจะทำให้คุณต้องลงทุนเพิ่มเติม แต่อาจเกินจากงบที่คุณตั้งไว้ตอนแรก ดังนั้น เราจึงแนะนำว่าควรวางแผนระยะยาวไว้โดยคำนึงถึงงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจในอนาคต
งบประมาณที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้จะเป็นจริงได้ด้วยการเตรียมตัวอย่างเหมาะสมและมีความรู้เกี่ยวกับโซลูชันดิจิทัลและวัฒนธรรมของผู้คนรอบตัว
วัฒนธรรมดิจิทัล
Digital transformation จะส่งผลกระทบต่อทุกด้านของธุรกิจและคุณอาจพบว่าการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของบริษัทนั้นยากยิ่งกว่าการนำเทคโนโลยีไปใช้เสียอีก การปรับเปลี่ยนองค์กรให้ราบรื่นนั้นต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะสมและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งมันบ่งบอกถึงตัวตนและคุณค่าขององค์กรคุณ การฝึกอบรมพนักงานและวางแผนงานให้พนักงานไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้พวกเขาเอาชนะปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
นี่คือเรื่องที่สำคัญมากเพราะผู้มีอำนาจตัดสินใจส่วนใหญ่ของบริษัทคงไม่อยากเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานและผลผลิตในระหว่างขั้นตอนปรับเปลี่ยนลดลงได้ ดังนั้น การที่คุณจะนำองค์กรสู่การทำ digital transformation ให้สำเร็จนั้น จะต้องสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลตลอดทั้งองค์กรให้ได้ หมายความว่า จะต้องกระตุ้นทีมงานหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจคนอื่นๆ ให้คุ้นเคยกับวัฒนธรรม ทรัพยากร เทคโนโลยี และกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อให้พนักงานรู้สึกมั่นใจในระหว่างการปรับเปลี่ยน
ขาดทรัพยากรและการบริหารจัดการที่ดี
การขาดทรัพยากรและการบริหารจัดการที่ดีอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจได้ ดังนั้น การประเมินทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อย้ายโปรเจกต์อย่างราบรื่นตั้งแต่ก่อนสร้างโรดแม็ปคือสิ่งสำคัญ
การเตรียมตัวที่ไม่ดีและขาดทรัพยากรจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพโดยรวมของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และก่อนที่จะเริ่มปรับเปลี่ยน ควรวางกลยุทธ์เอาไว้เพื่อช่วยให้ผู้นำธุรกิจเข้าใจว่าควรจัดการทรัพยากรอย่างไรจึงจะเหมาะสม
เตรียมพร้อมธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ
การเดินทางอันยาวนานของธุรกิจนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการทำ digital transformation อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไปว่าจะไม่สามารถต่อกรกับมันได้ แต่ควรใช้เป็นแรงกระตุ้นเพื่อพัฒนาธุรกิจและเพิ่มผลกำไรแทน
คุณสามารถติดตามผลของการทำ digital transformation ได้ด้วยการตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและมองหาสิ่งที่แตกต่าง ดูว่าอะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการนำมันมาใช้ และโฟกัสกับผลลัพธ์ที่ได้
เอเจนซีที่ให้คำปรึกษาเรื่อง digital transformation จะช่วยแนะนำขั้นตอนเหล่านี้ได้ และนี่คือสิ่งที่มอร์โฟซิสทำได้ดี หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ digital transformation ติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาได้เลย