ผลกระทบของ AI ที่มีต่อ UX Writing
การที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อทุกกิจกรรมส่งผลกระทบต่ออนาคตของงานที่มนุษย์ทำอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้
นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เริ่มต้นขึ้น คนงานจำนวนมากต่างต้องเผชิญกับความกลัวอย่างต่อเนื่องว่าวันหนึ่งพวกเขาอาจถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรและลงเอยด้วยการตกงาน แต่ทุกวันนี้รอบตัวเรามี AI คอยทำงานในหลายด้าน เช่น ด้านการดูแลสุขภาพ การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ การธนาคารและการเงิน ความบันเทิง และอื่นๆ โดยข้อมูลจาก McKinsey Global Institute ที่ทำการศึกษามาเป็นเวลา 2 ปี เปิดเผยว่าภายในปี 2030 ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์สามารถเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ได้มากถึง 30% เลยทีเดียว
ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น จึงทำให้เกิดคำถามว่า AI อาจเข้ามาทำให้ผู้ที่ทำงานในสาขาที่สร้างสรรค์ เช่น UX writing เสียงานของพวกเขาให้กับปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะมากขึ้นหรือไม่
ในบทความนี้ เราจะพูดคุยกันในหัวข้อที่สำคัญ เช่น ปัญญาประดิษฐ์จะมีผลกระทบต่อ UX writing อย่างไร รวมถึงประโยชน์และข้อจำกัดของเครื่องมือการเขียน AI และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
UX writing คืออะไร?
อันดับแรก เรามาเริ่มต้นจากการดูกันว่าการเขียน UX หรือ UX writing คืออะไรและมีความสำคัญขนาดไหนในการช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตและพัฒนาได้มากขึ้น
UX writing เป็นรูปแบบของการเขียนคอนเทนต์ประเภทหนึ่งที่พบในเมนูและอินเทอร์เฟซสำหรับผู้ใช้ (user) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการทำในระหว่างที่พวกเขาใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ ได้ดีที่สุด โดยหน้าที่ของ ผู้เขียน UX หรือ UX writer จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์หรือแอปฯ ได้ง่ายขึ้น และเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจไปพร้อมกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเขียน UX เป็นการทำเพื่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้และผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจที่จะต้องใส่ใจในเรื่องนี้ นั่นก็เพราะ UX writing มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกไม่พอใจหรือผิดหวังประสบการณ์ที่ได้รับ ด้วยการเขียนที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการผ่านขั้นตอนต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความราบรื่นและรู้สึกสนุกสนานที่สุด หากคุณต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญของการ UX writing สำหรับธุรกิจของคุณ โปรดอ่านบทความของเราที่นี่
การเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร?
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกนิยามตีความว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลง พร้อมกับการใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่หลากหลาย และเรียนรู้วิธีตัดสินใจได้ดีที่สุดโดยพิจารณาจากสิ่งที่ได้เรียนรู้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของเครื่องมือการเขียนโดยใช้ AI ที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นหรือทำตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดน้อยกว่างานที่ทำด้วยมนุษย์ เครื่องมือการเขียนที่ใช้ AI จึงมอบผลลัพธ์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะไม่ได้ดีกว่ามนุษย์ในบางกรณีก็ตาม สำหรับการเขียนโดย AI เกิดจากการเรียนรู้ของโปรแกรมผ่านการอ่านข้อความจำนวนมากและฝึกฝนตนเองเพื่อให้ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาได้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการอ่านรูปภาพเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่คือตัวอย่างบางส่วนของเครื่องมือการเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์ที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้
1. Rytr
Rytr คือ AI ที่เป็นผู้ช่วยเขียนในการเขียน ซึ่งจะช่วยคุณสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ตั้งแต่บล็อก อีเมล ไปจนถึงข้อความโฆษณา โดยโปรแกรมนี้จะสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในภาษาต่างๆ มากกว่า 30 ภาษาโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ tone of voice ตัวตรวจสอบไวยากรณ์ และตัวตรวจสอบการลอกเลียนแบบ พร้อมทั้งนำเสนอเนื้อหาเฉพาะแต่ละกลุ่มเป้าหมายในหัวข้อที่หลากหลาย ไม่ว่าคนอ่านจะอยู่ในกลุ่มใดก็ตาม
2. Jasper
Jasper เดิมชื่อว่า Jarvis เป็นเครื่องมือช่วยเขียนโดย AI ที่ได้รับความนิยมอีกตัวหนึ่ง เช่นเดียวกับ Rytr เจ้า Jasper สามารถช่วยคุณสร้างบล็อก บทความ หนังสือ และเนื้อหาอื่นๆ นี่ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมากหากคุณกำลังพยายามที่จะเขียนบล็อกให้น่าสนใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำงานร่วมกับ SEO Surfer ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยคุณวิเคราะห์คีย์เวิร์ดหลักและเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหา เพื่อช่วยให้สิ่งที่คุณเขียนขึ้นมานั้นถูกจัดอันดับโดย search engine ได้ดียิ่งขึ้น
3. QuillBot
Quillbot เป็นอีกเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการพิสูจน์อักษรและตรวจหาการลอกเลียนแบบ การอ้างอิง และอื่นๆ โดยสิ่งนี้มีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เช่น ตัวถอดความหมาย ตัวตรวจสอบไวยากรณ์ ตัวสรุป และการสร้างการอ้างอิง รวมทั้ง "ผู้เขียนร่วม" หรือ AI ผู้ช่วยเขียน ที่จะช่วยปรับเนื้อหาที่คุณเขียนไปแล้วให้ดีขึ้นตามที่คุณได้เลือก
นี่เป็นเพียงเครื่องมือการเขียนโดย AI บางส่วนที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้สามารถเข้ามาช่วยงานนักเขียนได้ทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะเขียนงานแบบไหน เจ้าสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้บรรดานักเขียนทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น
เอาล่ะตอนนี้เรามาดูไปพร้อมกันว่าการเขียนด้วย AI มีประโยชน์ในเรื่องใดอีกบ้าง
บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในการเขียน
คอนเทนต์หรือเนื้อหานั้นมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้ใช้มีความเข้าใจที่ดีกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ โดยคอนเทนต์จะเป็นสื่อกลางที่ช่วยนำเสนอในเรื่องที่ผู้ใช้ต้องการอยากรู้ พร้อมช่วยชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่บริษัทของคุณอยากเน้นย้ำให้ผู้ใช้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และเน้นให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และนี่คือความจริงของการเขียนเชิงพาณิชย์ทั้งสามประเภท ได้แก่ UX writing, content writing และ copywriting หากคุณอยากทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการเขียนเหล่านี้ คลิกอ่านที่นี่
ความสำคัญของ content marketing มีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม เห็นได้จากที่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างตระหนักดีว่าพวกเขาสามารถทำกำไรได้มากเพียงใด ด้วยเหตุนี้ รูปแบบการทำคอนเทนต์ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง UX writing และการเขียนที่โฟกัสเรื่อง SEO จึงมีนักเขียนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่บริษัทคาดหวัง ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการเขียนโดย AI และ UX writing ที่เห็นได้ชัดเจนว่ายังมีโอกาสที่ทับซ้อนกันอยู่
เพื่อคิดไอเดียสุดสร้างสรรค์ได้เร็วยิ่งขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเป็น UX writer, content writer หรือ copywriter คุณจะได้รับมอบหมายงานให้มาเขียนภายในเวลาที่กำหนด บางย่อหน้าอาจใช้เวลาเขียนนานแค่สองสามนาที หรือเลยไปถึงขั้นวันถึงสองวัน และแย่สุดก็ข้ามไปเป็นหลักสัปดาห์ในบางครั้ง ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับนักเขียนที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้รับมาภายในเวลาที่กำหนดไว้
โดยปกติแล้วนักเขียนมักใช้เวลาจำนวนมากไปกับการคิดหาไอเดียในการเขียนแทนที่จะลงมือเขียนจริงๆ ด้วย AI ที่เข้ามาช่วยการเขียน ทำให้นักเขียนสามารถเข้าถึงไอเดียอันสร้างสรรค์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและไม่ต้องกลัวว่าจะไปเหมือนกับใคร นี่ทำให้นักเขียนมีเวลามากขึ้นกับการโฟกัสไปที่ประเด็นสำคัญในการเขียนของพวกเขา
เพื่อเขียนคอนเทนต์คุณภาพได้เร็วยิ่งขึ้น
เครื่องมือการเขียนที่ใช้ AI สามารถช่วยให้นักเขียนสร้างสรรค์งานเขียนที่มีคุณภาพได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน นี่อาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเขียนในการคิดเนื้อหาเพิ่มได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการค้นคว้าและลงมือเขียนบล็อก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ในที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาได้ในหลายภาษา
ประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งข้อของเครื่องมือการเขียนที่ใช้ AI ก็คือทำให้การแปลมีราคาถูกลงและเร็วขึ้น ซึ่งการแปลด้วย AI ส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่ก็ไม่ได้แปลออกมาได้ดีเท่ากับการแปลที่ทำด้วยมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่แค่การตรวจสอบการสะกดคำและไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสไตล์การเขียนและความลื่นไหลของการเขียนด้วย พูดง่ายๆ ก็คือนักแปลสามารถประหยัดเวลาได้อย่างมากโดยใช้การให้ AI ช่วยแปลเป็นฉบับร่างคร่าวๆ ได้
อย่างที่คุณเห็น เครื่องมือการเขียนที่ใช้ AI มีประโยชน์กับนักเขียนเป็นอย่างมาก ซึ่งจะลดเวลาในการทำงานและช่วยให้พวกเขาใช้เวลาในการพยายามแปลงานน้อยลง เพื่อที่นักเขียนจะได้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญอื่นๆ ในงานของตนได้
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือการเขียนที่ใช้ AI จะสามารถเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้หรือไม่นั้น? คุณควรลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องราวต่อไปนี้
ความแตกต่างระหว่าง AI กับ UX writer
ในการตอบคำถามว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาแทนที่ UX writer ได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่นั้น อันดับแรกก็คือเราต้องตอบคำถามในประเด็นที่ว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งเสริมให้ใครสักคนกลายเป็น UX Writer ที่ดี
นั่นก็เพราะ UX writing นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของธุรกิจ เนื่องจากช่วยกระตุ้นยอดขายและยังช่วยรักษาลูกค้าให้ด้วยการมอบประสบการณ์การใช้งานอันราบรื่น ซึ่งต่อไปนี้คือ 3 คุณลักษณะที่ UX writer ที่ดีควรมี
การเอาใจใส่: นี่เป็นส่วนสำคัญในทุกแง่มุมของ UX การเอาใจใส่ก็คือความสามารถในการเข้าใจประสบการณ์ของคนอื่น ซึ่งอาจรวมถึงความต้องการ ความหวัง ความกลัว ข้อจำกัด เป้าหมาย และเรื่องอื่นๆ ของผู้ใช้ ซึ่งการเอาใจใส่เป็นหัวใจสำคัญของ UX และเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้
ความคิดสร้างสรรค์: หนึ่งในทักษะที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปสู่ความสำเร็จก็คือความคิดสร้างสรรค์ สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้ด้วยการทำให้ผู้ใช้ของเราเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสื่อสาร: สิ่งสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็คือการสื่อสาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้คำด้วยความเข้าใจในบริบทที่ถูกต้อง เพราะในการเขียน UX writing สิ่งสำคัญคือต้องเขียนหรือสร้างข้อความที่น่าสนใจและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้มากที่สุด
ในเมื่อเราพูดถึง AI การสนทนาก็มาถึงหัวข้อการเอาใจใส่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปัญญาประดิษฐ์ทำงานผ่านการสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์ เรียนรู้การกระทำและปฏิกิริยาทั้งหมดของเรา พร้อมทั้งพิจารณาจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่รับเข้ามา ซึ่งช่วยให้สามารถจำลองการแสดงความเห็นอกเห็นใจที่คล้ายกับการเขียนของนักเขียนที่เป็นมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า AI จะเก็บข้อมูลจากเราไปมากขนาดไหน แต่ก็ยังไม่มีแอปพลิเคชัน AI ใดที่สามารถจำลองประสบการณ์เหมือนกับที่เราผู้เป็นมนุษย์รู้สึกและสัมผัสได้ รวมถึงการตอบสนองทางอารมณ์ของเราต่อสิ่งเหล่านั้น
การเขียน UX writing ก็เหมือนกับการเขียนประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นต้องมีน้ำเสียงหรืออารมณ์ความเป็นมนุษย์อยู่ภายในข้อความจึงจะสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแนวคิดหลักของ UX writing ที่ดีคือความเห็นอกเห็นใจ หรือ empathy
AI มีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยระบุถึง user journey และตรวจสอบข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และความไม่สอดคล้องกัน ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีรายงานเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติของ Smartsheet เมื่อปี 2560 ที่รายงานเอาไว้ว่ากว่า 86% ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าระบบอัตโนมัติและ AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างรวดเร็วสำหรับธุรกิจที่ต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุงกระบวนการต่างๆ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่สามารถเข้ามาช่วยถ่ายทอดอารมณ์ระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านในฐานะของมนุษย์ได้อย่างเต็มที่นัก ดังนั้น แม้ว่า AI จะเลียนแบบการใช้ภาษาของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์และทักษะการเขียนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ UX writer ที่มีส่วนผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลประสบความสำเร็จ