วิธีออกแบบ landing page ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้าง conversion
เผยแพร่เมื่อ 24 Jun 2023 โพสไปที่เว็บไซต์นั้นผ่านวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานตั้งแต่เว็บแรกที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายยุค 80s ในห้องแล็บหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
จากหน้าเว็บเพจที่มีแต่ข้อความเขียนด้วย HTML ง่ายๆ ได้พัฒนามาเป็นเว็บไซต์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยแอนิเมชันที่ลื่นไหล, มี dark theme สวยๆ, พื้นที่ว่างเพื่อพักสายตา, และการออกแบบตัวอักษรที่แปลกตา ที่ในวันนี้มีผู้ใช้นับพันล้านคนต่อวันจนทำให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นตลาดใหญ่ระดับโลก
พัฒนาการของการออกแบบเว็บไซต์นั้นได้กรุยทางให้กับดีไซเนอร์ในการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และสร้าง navigation ที่ดีกว่าเดิมเพื่อดึงดูดลูกค้า หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ conversion-centered design (CCD) หรือ การออกแบบที่เน้นการสร้าง conversion ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจในแง่ของเป้าหมายในการสร้างเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี
conversion-centered design คืออะไร
ในแง่ของการออกแบบ conversion คือตอนที่ผู้ใช้ทำบางสิ่งที่คุณเตรียมเอาไว้ให้พวกเขาทำในเว็บไซต์ของคุณเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้
ในส่วนของ CCD นั้นใช้หลักการออกแบบและสิ่งเร้าทางจิตวิทยาชุดหนึ่งเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ทำในสิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นมันจึงช่วยให้เว็บไซต์สามารถเปลี่ยนจากผู้ชมมาเป็นลูกค้าได้ โดยสิ่งที่มุ่งหวังไว้อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ เช่น การคลิกไปยังอีกหน้าหนึ่ง หรือเป็นเรื่องซับซ้อน เช่น ซื้อของ หรือ สมัครใช้บริการ เป็นต้น
CCD ทำให้คุณสามารถประเมินจุดประสงค์, ผลกระทบ, และความสำเร็จของเว็บไซต์หรือแคมเปญได้ พร้อมกับช่วยให้คุณรู้ได้ว่าเว็บไซต์ออกแบบมาอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
CCD ก็เป็นเหมือนการออกแบบอื่นๆ ตรงที่มันอยู่กึ่งกลางระหว่างศิลปะ (การมองเห็น, UX, และการออกแบบคอนเทนต์) และวิทยาศาสตร์ (การวัดผลและวิเคราะห์ผลลัพธ์)
หลักการออกแบบทั้ง 7 ข้อของ conversion-centered design คืออะไร?
ตอนนี้คุณก็เริ่มคุ้นเคยกับคำว่า conversion-centered design แล้ว และนี่คือหลักการออกแบบของ CCD ทั้ง 7 ข้อ ที่คุณควรรู้เมื่อต้องสร้างเว็บไซต์หรือ landing page
Encapsulation
สมมติว่าคุณต้องการให้ผู้ชมหันมาสนใจข้อมูลที่สำคัญหรือ call to action (CTA) เพื่อให้พวกเขาไม่ไปเถลไถลที่อื่นบนเว็บไซต์ การทำแบบนี้ก็เหมือนการห่อของขวัญเพื่อดึงดูดความสนใจ คุณอาจทำให้หัวข้อนั้นๆ โดดเด่นขึ้นมาด้วยการห่อหุ้มมันไว้แล้วแยกมันออกมาจากส่วนอื่นๆ ของหน้านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้ชมสนใจพื้นที่ที่มีความสำคัญดังกล่าว และทำให้พวกเขาเข้าใจได้ชัดเจนว่าคอนเทนต์ส่วนนี้สำคัญ
สิ่งที่คุณห่อหุ้มไว้ใน CCD คืออะไร?
มันคือคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำที่คุณต้องการนั่นเอง
ถ้าคุณต้องการให้ผู้ใช้คลิก คุณก็ต้องทำให้ปุ่มใหญ่และน่าสนใจ ถ้าเป็นปุ่มสมัครสมาชิก ก็ต้องเรียกร้องความสนใจให้คลิกปุ่มนี้ให้ได้
คอนทราสต์และสี
การเลือกใช้สีและคอนทราสต์อาจทำให้เกิดหรือทำลาย conversion ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นหลักการที่สำคัญที่สุดในการออกแบบ CTA เลยก็ว่าได้
คุณควรสร้าง conversion ด้วยการผสม CTA เข้ากับส่วนที่เหลือของคอนเทนต์ ดังนั้น การทำให้ CTA โดดเด่นจนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของหน้านั้นคือการใช้สีที่มีคอนทราสต์สูง ตัวอย่างเช่น ปุ่มสีดำบนพื้นหลังสีขาวหรือปุ่มสีเขียวบนพื้นหลังสีแดงจะทำให้มันโดดเด่นขึ้น
มีผู้ชาย 5 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิง 1 เปอร์เซ็นต์ที่ตาบอดสี และส่วนใหญ่คนเหล่านี้ไม่สามารถแยกแยะ CTA กับสีอื่นๆ ที่มีคอนทราสต์ต่ำได้ แม้ว่าคนที่เป็นตาบอดสีจะไม่ใช่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นประชากรส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การผสมสีให้ออกมามีระดับคอนทราสต์ที่ดีนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ลองหาส่วนผสมสีและคอนทราสต์ที่เหมาะสมให้กับ CTA ของคุณซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้ทุกคนทำในสิ่งที่คุณต้องการได้
ตัวชี้นำทาง
คุณสามารถใช้ตัวชี้นำทางเพื่อนำผู้ชมไปยังเป้าหมายที่คุณต้องการให้พวกเขาไปถึงได้ เช่น ลูกศร หรือ เส้นทางที่นำผู้ใช้ไปยังจุดที่ต้องการ เมื่อบอกพวกเขาอย่างชัดเจนว่าต้องดูข้อมูลตรงไหน พวกเขาก็จะหยุดสนใจอย่างอื่นชั่วคราว และถ้าคุณใช้รูปภาพ ก็สามารถใช้เส้นนำสายตาเพื่อนำทางพวกเขาไปยัง CTA ได้
พื้นที่ว่าง
พื้นที่ว่างในดีไซน์ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีขาวเสมอไป แต่มันหมายถึงการเว้นที่ว่างไว้ให้มากที่สุดในหน้านั้น และไม่ทำให้มันดูรกสายตา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสงบและสามารถหาสิ่งที่สำคัญเจอได้ง่าย
ความเร่งด่วนและความหายาก
ผู้บริโภคมันจะทำบางสิ่งเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านเวลา หรือ ปริมาณสิ่งของ
ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ การบอกว่าสินค้ากำลังจะหมด เช่น “เหลือแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น!” หรือโปรโมชันกำลังจะหมดเขต คือตัวอย่างที่ดีในการสร้างความเร่งด่วนและความหายาก มันเหมือนว่าคุณกำลังบอกให้พวกเขารีบทำบางอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่จะพลาดสิ่งดีๆ ไป
ลองก่อนซื้อ
มันคือการให้ผู้ใช้สามารถทดลองโปรดักต์ของคุณได้ก่อนที่จะต้องจ่ายเงิน
ยกตัวอย่างเช่น ร้านขายชีสแบบพรีเมียมอาจจะเลือกชีสบางรายการมาเสนอให้ลูกค้าลองชิมตัวอย่างก่อนที่จะซื้อได้ ช่วยให้ลูกค้าได้ลองชีสหลายๆ แบบ แล้วเลือกซื้ออันที่ชอบ วิธีนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าชีสที่ได้ซื้อมีความคุ้มค่าและไม่เสียใจที่ซื้อไป
ทำให้โปรดักต์ของคุณพร้อมสำหรับการรีวิวก่อนที่จะบอกให้ลูกค้าซื้อทำให้คุณดูมีเครดิตที่ดีและสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งอาจทำให้เกิด conversions ได้
ใช้เสียงจากผู้ใช้ตัวจริง
ความเห็นของคนส่วนใหญ่ในสังคมคือหัวใจสำคัญในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ยิ่งมีคนพูดถึงโปรดักต์ของคุณในแง่ดีมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่มันจะประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น แสดงคำยืนยันจากคนอื่นๆ พูดถึงในรูปแบบของฟีดแบ็กจากลูกค้าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับจากโปรดักต์หรือบริการของคุณช่วยให้คุณสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ชมหน้าใหม่ได้ในทันที
คำยืนยันจากลูกค้าคือรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในเว็บไซต์ รูปแบบอื่นๆ ของการใช้เสียงจากผู้ใช้ตัวจริงคือการรีวิวโปรดักต์และการให้คะแนน ซึ่งก็ช่วยให้ประเมินคุณภาพของโปรดักต์ได้ง่ายขึ้น
Oli Gardner ซึ่งเป็น co-founder ของ Unbounce ได้เริ่มใช้หลักการนี้และตอนนี้ก็กลายเป็นตัวชี้วัดที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาในการทำธุรกิจบนเว็บไซต์
Gardner ยังเน้นย้ำว่ามีแง่มุมอื่นๆ ที่เขาเชื่อว่ามีความสำคัญในการสร้าง conversion เช่นกัน เช่น “ข้อความที่สอดคล้องกัน” ซึ่งหากคุณทำได้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้ navigation มีความราบรื่นและสร้างความเชื่อมั่นได้ แต่ถ้าทำพลาด คุณก็จะสูญเสียความเชื่อมั่นในสายตาลูกค้าไป
ข้อความที่สอดคล้องกันเป็นอย่างไร?
คุณคงเคยเจอโฆษณาตอนท่องอินเทอร์เน็ตมาหลากหลายรูปแบบแล้ว บางอันอาจมาจากการค้นหาข้อมูลหรือบทสนทนาล่าสุดที่คุณใช้ ผู้เขียนเคยได้ยินถึงเรื่องน่ากลัวที่แฮกเกอร์ดักฟังบทสนทนาในห้องนอนของพวกเรามาแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นนี้เท่าไรนัก ซึ่งโฆษณาบางตัวก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับชีวิตของเรา
เอาละ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แต่คุณก็อาจจะสนใจโฆษณาตัวหนึ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณตัดสินใจคลิกมัน แล้วก็เข้าไปอยู่ในเว็บไซต์แปลกๆ ที่มีคอนเทนต์ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับโฆษณาที่คุณคลิกไปเลย นอกจากจะสงสัยว่าทำไมข้อความมันไม่สอดคล้องกับโฆษณาแล้ว คุณอาจจะหงุดหงิดที่หลงเข้าไปอยู่ในเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย และนี่คือตัวอย่างของข้อความที่ไม่สอดคล้องกัน
จะแก้ไขปัญหาข้อความไม่สอดคล้องกันอย่างไร
90 เปอร์เซ็นต์ของโฆษณามีปัญหาข้อความไม่สอดคล้องกันกับหน้า landing page แม้ว่าวิธีที่ถูกจะไม่ต้องใช้ทักษะล้ำลึกใดๆ เลยก็ตาม สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดให้มากขึ้นเท่านั้น
แล้วข้อความที่สอดคล้องกันเป็นแบบไหน? การใช้หัวข้อ, คำบรรยาย, การนำเสนอคุณค่า, และรูปภาพในหน้า landing page นั้นควรจะคล้ายคลึงกัน หากคุณทำได้อย่างเหมาะสม ผู้ใช้ที่อ่านและคลิกโฆษณาก็จะเห็นข้อความแบบเดียวกันในหน้า landing page แบบนี้จึงจะเรียกว่าข้อความสอดคล้องกัน
หน้า landing page ควรจะมีข้อความแบบเดียวกับในหน้าโฆษณาแบบนี้ ถึงจะเรียกว่าข้อความสอดคล้องกัน
สรุปทิ้งท้าย
แทบทุกคนหรือบริษัทที่มีเว็บไซต์ในยุคนี้ต้องการกลยุทธ์ในการออกแบบที่ช่วยให้เกิด conversion และบรรลุเป้าหมายของพวกเขา ซึ่งหลักการ CDD คือเครื่องมือเพื่อการออกแบบอันทันสมัยที่ช่วยให้คุณทำในสิ่งนี้ได้ ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณจะต้องออกแบบหน้า landing page ใหม่ขึ้นมา ก็ควรเตรียมเช็กลิสต์ที่มีหลักการเหล่านี้เอาไว้และตรวจทานให้ดีว่ามันตรงกับดีไซน์ของคุณหรือเปล่า
หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการสร้างหน้า landing page ที่ใช้หลักการ CDD สามารถติดต่อ Morphosis ได้ เรายินดีที่จะช่วยเหลือคุณทั้งเรื่องนี้รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่คุณต้องการเกี่ยวกับการออกแบบและการตลาดดิจิทัล