การออกแบบ UI ที่ไม่ดีจะเกิดอะไรขึ้น?
ภายในงาน BKK Web ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงาน Seven Peaks Software ได้เชิญ UI designer ที่มีชื่อเสียง อย่างคุณ Rudy Baer ซีอีโอ/CTO ของ BearStudio และคุณ Dorian Delorme ผู้เป็น UX/UI desginer ของ BearStudio เข้ามาร่วมกันพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับหลุมพรางของการออกแบบ UI ที่ไม่ดีซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของโปรเจกต์ได้ในที่สุด
ในบทสรุปที่ครอบคลุมของการพูดคุยกันครั้งนี้ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิของเราได้เน้นประเด็นสำคัญที่นักออกแบบมักสะดุดหรือเจอปัญหาบ่อยครั้ง โดยพวกเขาตั้งใจที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าที่คุณสามารถนำไปใช้กับโปรเจกต์การออกแบบของคุณเองได้ เพื่อไม่ให้เจอกับผลลัพธ์อันเลวร้ายอย่างที่หลายๆ คนเจอ
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางสู่โลกแห่งการออกแบบอันน่าสะพรึงกลัว ที่คุณเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน!
วิธี (ไม่) เลือกซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบที่เหมาะสม
การเลือกซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบที่เหมาะสมอาจเป็นการตัดสินใจที่สำคัญสำหรับนักออกแบบหรือทีมออกแบบ โดยเครื่องมือสร้างสรรค์ผลงานตัวพื้นฐานที่สุดที่นักออกแบบทุกคนต้องเคยผ่านมือมาก็คือ "Photoshop" อย่างไรก็ตาม วิทยากรได้เปิดเผยสาเหตุหลายประการที่ทำให้ซอฟต์แวร์นี้ไม่เหมาะสำหรับโปรเจกต์การออกแบบ UI และอาจนำไปสู่การออกแบบ UI ที่ไม่ดีในท้ายที่สุด
ไม่มี component
ไม่มีสีหรือรูปแบบข้อความ
ไม่มีเครื่องมือที่ง่ายสำหรับการวางตำแหน่ง
ทำให้มีไฟล์ในเครื่องจำนวนมาก
การตั้งชื่อไฟล์ที่น่าประทับใจ v8.final.updated.psd ใช่เหรอ?
แม้ว่า Photoshop จะสามารถใช้กับโปรเจกต์ออกแบบ UI ได้ แต่ก็ยังมีเครื่องมือที่เหมาะสมกว่าที่ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ เช่น Adobe XD, Sketch หรือ Figma เครื่องมือเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการออกแบบ UI ทำให้กระบวนการออกแบบเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และทุกคนที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานร่วมกันได้คล่องตัวมากกว่าเดิม
ซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบ UI ประจำปี 2565
1. Adobe XD: Adobe XD เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบที่ครอบคลุมซึ่งนำเสนอคุณสมบัติที่หลากหลายสำหรับการออกแบบ UI โดย Adobe XD มีข้อดีหลายประการด้วยกัน ได้แก่:
การผสานรวมกับซอฟต์แวร์ในกลุ่ม Adobe Creative Cloud อื่นๆ เช่น Photoshop และ Illustrator ได้อย่างราบรื่น
เป็นเครื่องมือสร้าง prototyping และ animation อันทรงพลังที่ช่วยให้นักออกแบบสร้างการออกแบบ UI แบบ interactive และสามารถทดสอบกับผู้ใช้ได้
คุณสมบัติการทำงานร่วมกันในตัว ช่วยให้นักออกแบบหลายคนสามารถทำงานในโปรเจกต์เดียวกันได้พร้อมกัน
คุณสมบัติการสร้างภาพเคลื่อนไหวอัตโนมัติที่ช่วยให้นักออกแบบสร้าง animation และการ transition ขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย
2. Sketch: Sketch เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบยอดนิยมที่คิดค้นมาสำหรับการออกแบบ UI โดยเฉพาะ และมีข้อดี ได้แก่:
อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่
ความสามารถในการแก้ไขเวกเตอร์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างการออกแบบ UI คุณภาพสูง
ไลบรารีปลั๊กอินแบบ third-party ขนาดใหญ่ที่รองรับการขยายขีดความสามารถและรวมเข้ากับเครื่องมือออกแบบและบริการอื่นๆ ได้
คุณสมบัติในการ export และการควบคุมเวอร์ชันซอฟต์แวร์ที่ทำให้การทำงานร่วมกับสมาชิกในทีมและจัดการการออกแบบซ้ำเป็นเรื่องง่าย
3. Figma: Figma เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบบนคลาวด์ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติการทำงานร่วมกัน ข้อดีของ Figma ได้แก่:
คุณสมบัติในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้นักออกแบบหลายคนสามารถทำงานบนโปรเจกต์เดียวกันได้พร้อมกันจากที่ไหนก็ได้
อินเทอร์เฟซบนเว็บที่ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงและทำงานออกแบบจากอุปกรณ์ใดๆ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ได้
ความสามารถในการแก้ไขเวกเตอร์อันทรงพลังที่ทำให้การออกแบบ UI ที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่ายดาย
นอกจากนี้ เครื่องมือสร้าง prototype และ animation ในตัวที่ช่วยให้นักออกแบบสร้างการออกแบบ interactive UI และสามารถทดสอบกับผู้ใช้ได้
วิธี (ไม่) เพิ่มความไม่สอดคล้องกัน (อย่างรวดเร็ว)
การรักษาความสม่ำเสมอตลอดเวลาที่ทำโปรเจกต์การออกแบบเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าการออกแบบที่ทำสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นมีความพร้อมในทุกด้านและเป็นมิตรกับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่เราจะคาดคิด โดยมี UI designer จำนวนไม่น้อยที่มักจะมองข้ามเมื่อพูดถึงความสอดคล้องกันของทั้ง 3 ปัจจัย ได้แก่: component, color style และ text style
Component
Component ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบ UI ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบต่างๆ เช่น ปุ่ม, แบบฟอร์ม, เมนู และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่นักออกแบบต้องเผชิญ ก็คือการรักษาความสม่ำเสมอในส่วนประกอบเหล่านี้ บ่อยครั้งที่นักออกแบบต้องสร้างส่วนประกอบเดียวกันออกมาหลายเวอร์ชัน และนั่นส่งผลให้เกิดความไม่สอดคล้องกัน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นักออกแบบควรสร้าง component library ที่ครอบคลุมซึ่งสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ตลอดการทำทั้งโปรเจกต์ โดย library นี้ควรได้รับการจัดระเบียบอย่างดีและเป็นไปตาม design language ที่สอดคล้องกัน ด้วยการทำเช่นนี้ นักออกแบบจะสามารถเข้าถึงและนำส่วนประกอบกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการรับประกันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโปรเจกต์จะมีความสอดคล้องกัน
นอกจากนี้ วิธีการนี้ส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างนักออกแบบและนักพัฒนา แม้ว่าโปรเจกต์จะเสร็จสิ้นไปสักระยะหนึ่งแล้ว ก็คือการมี library สำหรับการอ้างอิง ที่จะช่วยให้แน่ใจว่าหากมีการปรับเปลี่ยนหรือการอัปเดตที่จำเป็นใดๆ เกิดขึ้น ทุกสิ่งก็จะสอดคล้องกับการออกแบบที่ได้ทำไว้ในเริ่มต้น เพื่อเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้นเราขอแนะนำให้คุณอ่าน "เครื่องมือ Design-to-Code ที่ช่วยให้นักออกแบบและนักพัฒนาทำงานร่วมกันได้ราบรื่นขึ้น"
Color Style
สีมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการออกแบบ UI เนื่องจากเป็นสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์, สร้างคอนทราสต์, และเน้นให้เห็นองค์ประกอบเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การใช้สีมากเกินไปหรือละเลยการเลือกใช้โทนสีที่สม่ำเสมออาจส่งผลให้การออกแบบดูไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้
เพื่อรักษาความสม่ำเสมอของการใช้สี นักออกแบบควรสร้าง color style ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับส่วนต่างๆ ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งโปรเจกต์ โดยสิ่งนี้มีการระบุสีหลัก, สีรอง, และสีเฉพาะจุด ตลอดจนเฉดสีและสีอ่อนต่างๆ ของแต่ละสี ด้วยการยึดมั่นใน color palette นักออกแบบจึงมั่นใจได้ว่าการออกแบบจะยังคงสอดคล้องกันเมื่อดูด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ผลงานที่ออกมายังดูเป็นมิตรกับผู้ใช้ ควบคู่กับส่งเสริมการใช้งานที่ราบรื่น และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย
Text Style
ข้อความเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ UI เนื่องจากเป็นสิ่งที่ให้ข้อมูล, แนะนำผู้ใช้, และกำหนดลักษณะโดยรวมของการออกแบบ แต่รูปแบบข้อความที่ไม่สอดคล้องกันอาจทำให้ดูไม่เป็นระเบียบได้
เพื่อรักษาความสอดคล้องของข้อความในโปรดักต์ นักออกแบบควรสร้าง text style ที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดทั้งโปรเจกต์ ซึ่งรวมถึงการกำหนดขนาดฟอนต์, น้ำหนัก, ความสูงของบรรทัด, และสี ด้วยการยึดหลักการใช้ text style ที่เหนียวแน่น นักออกแบบจึงมั่นใจได้ว่าการออกแบบจะยังคงความเป็นเอกภาพ อ่านง่าย และส่งเสริมให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นที่สุด
วิธี (ไม่) ส่งมอบการออกแบบ UI ที่ไม่ดีบนมือถือ
ด้วยผู้ใช้สมาร์ตโฟนประมาณ 6.8 พันล้านคนทั่วโลก (Statista, 2022) ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 80% ของประชากรโลกจำนวน 8 พันล้านคน เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์พกพาขนาดพอดีมือเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในชีวิตของพวกเราทุกคนมากขนาดไหน
ด้วยการใช้แนวทางที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นอันดับแรก ผู้ออกแบบ UI จึงต้องจัดลำดับความสำคัญของฟังก์ชันหลักและคอนเทนต์สำหรับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อให้มั่นใจถึงการโต้ตอบที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ จากรากฐานที่มั่นคงนี้ นักออกแบบสามารถขยายการออกแบบของตนเพื่อสร้างเวอร์ชันเดสก์ท็อปที่ปรับให้เหมาะสมซึ่งรองรับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการโต้ตอบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้
การออกแบบโดยคำนึงถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นอันดับแรกไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ในทุกอุปกรณ์อีกด้วย สิ่งนี้บังคับให้นักออกแบบมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบที่จำเป็น พร้อมกับหลีกเลี่ยงองค์ประกอบการออกแบบที่ไม่จำเป็นหรือซับซ้อน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพและการใช้งานบนอุปกรณ์พกพา
อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่การเริ่มต้นด้วยการออกแบบเพื่อเดสก์ท็อปอาจเหมาะสม สำหรับแอปพลิเคชันที่มีเวิร์กโฟลว์ซับซ้อนหรือเน้นผู้ใช้เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปเป็นหลัก นักออกแบบควรคำนึงถึงประสบการณ์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย พวกเขาต้องแน่ใจว่าการออกแบบยังคงตอบสนองและปรับให้เหมาะสมสำหรับหน้าจอขนาดต่างๆ ได้ดีเช่นกัน
ความพยายามที่จะปรับการออกแบบเดสก์ท็อปให้พอดีกับอินเทอร์เฟซสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยไม่มีการปรับให้เหมาะสมอาจส่งผลให้ผู้ใช้อุปกรณ์พกพาได้รับประสบการณ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน การออกแบบเดสก์ท็อปมักจะซับซ้อนกว่า โดยมีข้อมูลเพิ่มเติม, ฟังก์ชันการทำงาน, และการโต้ตอบที่อาจไม่ได้แสดงบนหน้าจอมือถือขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก
โดยสรุปแล้ว ด้วยการใช้แนวทางที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นอันดับแรก UI designer สามารถสร้างการออกแบบที่จัดลำดับความสำคัญของความต้องการของผู้ใช้อุปกรณ์พกพา ในขณะเดียวกันก็รับประกันประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในทุกอุปกรณ์ไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น UI designer ควรเริ่มต้นออกแบบอินเทอร์เฟซสำหรับมือถือก่อน แล้วจึงขยายการออกแบบไปยังหน้าจอเดสก์ท็อป แนวทางที่เน้นอุปกรณ์พกพาเป็นอันดับแรกช่วยให้มั่นใจได้ว่าฟังก์ชันหลักและคอนเทนต์จะได้รับการจัดลำดับความสำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์พกพา ซึ่งจะนำไปสู่ประสบการณ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพและน่าดึงดูดใจของผู้ใช้ในทุกอุปกรณ์
วิธี (ไม่) ทำให้ชีวิตของ frontend developer ยากขึ้น
ในฐานะ UI/UX designer การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ frontend developer เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานการออกแบบของคุณราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยนักออกแบบมักจะเริ่มต้นทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอันล้ำเลิศ ซึ่งบางครั้งอาจนำไปสู่การออกแบบที่สร้างความท้าทายให้กับ developer อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงข้อจำกัดที่กำหนดเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของเว็บไซต์ และพิจารณาผลกระทบขององค์ประกอบการออกแบบแต่ละรายการต่อประสิทธิภาพโดยรวมของหน้าต่างๆ ด้วยการทำให้การออกแบบของคุณเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ซึ่งคุณจะช่วย developer ดำเนินกระบวนการติดตั้งใช้งานได้ราบรื่นขึ้น
ก่อนส่งมอบการออกแบบของคุณให้กับ frontend developer ขอแนะนำให้ทำการทดสอบอย่างละเอียดในอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ ก่อนเสมอ ขั้นตอนเชิงรุกนี้ช่วยให้คุณระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งการจัดการปัญหาเหล่านี้และการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการออกแบบของคุณจะนำไปใช้งานได้ง่ายและมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น
วิธี (ไม่) เลือกฟอนต์และสีผิด
Font
สิทธิ์ใช้งานฟรีสำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์: จัดลำดับความสำคัญของฟอนต์ด้วยสิทธิ์การใช้งานฟรีสำหรับใช้งานในเชิงพาณิชย์เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากทางกฎหมายที่อาจตามภายหลัง แม้ว่าจะมีฟอนต์ฟรีมากมายให้เลือกใช้งานทางออนไลน์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขของสิทธิ์ใช้งานก่อนที่จะนำฟอนต์เหล่านั้นมาใช้กับโปรเจกต์ของคุณ
web font: การออกแบบสำหรับเว็บจำเป็นต้องใช้ฟอนต์ที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานดิจิทัล แบบอักษรบนเว็บได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ดูสวยงามบนหน้าจอที่มีขนาดและความละเอียดต่างๆ กันด้วยการเลือกแบบ web font คุณจึงมั่นใจได้ถึงการนำเสนอการออกแบบที่สอดคล้องกันในทุกอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ
ใช้ฟอนต์หลายสไตล์ (ขนาดตัวอักษร): เลือกใช้ฟอนต์ที่มีหลายสไตล์ เช่น แบบหนา แบบปกติ แบบบาง และแบบเอียง โดยการผสมผสานรูปแบบตัวอักษรที่หลากหลายช่วยเพิ่มความลึกและความน่าสนใจให้กับการออกแบบ UI ของคุณ รูปแบบที่แตกต่างกันนี้สามารถช่วยแยกหัวข้อหลัก, หัวข้อย่อย, และคอนเทนต์ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่สะดวกกว่าเดิม
Glyph มากมาย: Glyph เป็นอักขระแต่ละตัวภายในแบบอักษร การเลือกแบบอักษรที่มีสัญลักษณ์ร่ายมนตร์มากมายทำให้คุณมีความยืดหยุ่นและความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบของคุณมากขึ้น ช่วยให้สามารถใช้อักขระพิเศษ สัญลักษณ์ และแม้แต่หลายภาษาโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบบอักษร ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวเลือกการออกแบบของคุณได้เช่นกัน
Color
อย่าใช้สีสันมากเกินไป
เมื่อออกแบบ UI สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำให้ color palette เรียบง่ายและหลีกเลี่ยงการใช้สีมากเกินไป การใช้สีมากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกอึดอัด แถมการออกแบบอาจดูวุ่นวายและสร้างความสับสนได้ โดยทั่วไปแล้ว การจำกัด color palette ไว้ที่สามถึงห้าสีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโปรเจกต์ ซึ่งการเลือกสีหลักและสีรองประมาณสองถึงสามสีก็สามารถช่วยสร้างการออกแบบที่ดึงดูดสายตาและทำให้ผู้ใช้ชื่นชอบได้แบบพอดีๆ
เฉดสีที่หลากหลาย
การใช้สีหลายเฉดสามารถเพิ่มความลึกและมิติให้กับการออกแบบ UI ซึ่งการใช้เฉดสีเดียวกันสามารถช่วยสร้างโทนสีที่กลมกลืนและสมดุล อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าเฉดสีที่คุณใช้นั้นต่างกันมากพอที่จะแยกความแตกต่างได้เมื่อผู้ใช้สังเกตเห็น โดยการใช้ความแตกต่างเล็กน้อยของเฉดสี ความอิ่มตัว หรือความสว่างก็สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้
เฉดที่แตกต่างจากเฉดสีอื่นๆ
แม้ว่าการใช้สีเดียวกันหลายเฉดจะได้ผลดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องรวมสีที่ต่างกันด้วย การเลือกสีคู่ตรงข้ามหรือสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสีสามารถช่วยสร้างคอนทราสต์ที่ทำให้งานออกแบบดูน่าสนใจยิ่งขึ้น การใช้สีที่ตัดกันสามารถช่วยดึงดูดความสนใจไปยังองค์ประกอบเฉพาะใน UI เช่น ปุ่มหรือคำกระตุ้นการตัดสินใจ
ดูค่าคอนทราสต์ให้ดีๆ
เมื่อเลือกสี สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาค่าคอนทราสต์ ซึ่งค่านี้หมายถึงความแตกต่างของความสว่างระหว่างสีสองสี อัตราส่วนคอนทราสต์สูงระหว่างสีพื้นหน้าและสีพื้นหลังจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการอ่านและการเข้าถึงของการออกแบบ UI โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น โดยปัจจุบันมีเครื่องมือออนไลน์มากมายที่จะช่วยให้นักออกแบบตรวจสอบอัตราส่วนคอนทราสต์ของสีที่เลือกเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามแนวทางการช่วยสำหรับการเข้าถึง
อย่าทดสอบ!
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่มักถูกมองข้ามในโปรเจกต์ออกแบบ UI ก็คือการขาดการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่านักออกแบบบางคนอาจมองว่ากระบวนการเหล่านี้น่าเบื่อ แต่กระบวนการเหล่านี้กลับมีความสำคัญต่อการรับรองคุณภาพของงานของคุณอย่างมาก โดยคุณต้องทำสิ่งเหล่านี้ทุกครั้ง
สร้าง mockup ด้วยข้อมูลจริง
การพัฒนาต้นแบบ
การทดสอบต่อเนื่องระหว่างการพัฒนา
การใช้โปรดักต์ขั้นสุดท้าย
การทดสอบการออกแบบของคุณมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นการเปิดเผยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้โดยลดความยุ่งยากและข้อเสนอแนะเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกที่จะข้ามขั้นตอนที่สำคัญนี้ ก็ให้เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องราวชวนปวดหัวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดตัวโปรเจกต์ที่ยังไม่ทดสอบทุกอย่างให้ดีก่อน
สรุปทิ้งท้าย
นักออกแบบมักจะพบกับความท้าทายในโปรเจกต์การออกแบบของพวกเขาอยู่เสมอ โดยตกอยู่ในหลุมพรางที่พบได้บ่อย เช่น การเลือกซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบที่ไม่เหมาะสม, ขาดความสอดคล้องกัน, และละเลยการออกแบบ UI ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอุปกรณ์พกพา
เมื่อพูดถึงซอฟต์แวร์การสำหรับออกแบบ แม้ว่า Photoshop จะสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ในการออกแบบ UI ได้ แต่ก็มีเครื่องมืออื่นๆ ที่ดูจะเหมาะสมกับคุณมากกว่าอยู่ดี นักออกแบบควรพิจารณาตัวเลือกต่างๆ เช่น Adobe XD, Sketch หรือ Figma ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปรับปรุงเวิร์กโฟลว์การออกแบบ UI และมอบผลลัพธ์ที่เหนือกว่าให้กับผลงานของคุณ
เพื่อให้แน่ใจว่าโปรเจกต์การออกแบบจะประสบความสำเร็จพร้อมกับสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและผู้ใช้ได้ นักออกแบบต้องจัดลำดับความสำคัญของความสอดคล้องในพื้นที่สำคัญ เช่น component, color style, และ text style ด้วยการทำให้องค์ประกอบเหล่านี้มีความสอดคล้องกันทั้งหมด การออกแบบของคุณจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกสิ่งภายในการออกแบบของคุณมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานโดยรวมและประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น